9 September 2017
1204
วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2560 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นัดไต่สวนคำร้องขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวชาวบ้านชุมชนน้ำแดงพัฒนา 4 คน ซึ่งถูกบริษัทอีควอโทเรียล คอมมิวนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด โจทก์ร่วม ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2560 และวันที่ 28 สิงหาคม 2560 โดยในคำร้องอ้างว่าทั้ง 4 คนเป็นภัยต่อโจทก์ร่วมและพยานของโจทก์ร่วม ซึ่งข้อเท็จจริงที่ฝ่ายบริษัทโจทก์ร่วมอ้างมาเพื่อเป็นเหตุในการขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 23 มิถุนายน 2560 วันที่ 17 และ 21 กรกฎาคม 2560 ที่คนของบริษัทได้เข้ามาทำการเก็บเกี่ยวพืชผลในชุมชนน้ำแดงพัฒนา และชาวบ้านได้เข้าไปขอให้คนของบริษัทยุติการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ชาวบ้านเพาะปลูกไว้ แต่บริษัทอ้างว่าชาวบ้านได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินแปลงที่บริษัทโจทก์ร่วมอ้างเป็นเจ้าของ ชาวบ้านน้ำแดงพัฒนาทั้ง 4 คนที่ถูกยื่นคำร้องของเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว ได้แก่ นายไพโรจน์ กลับนุ้ย นายอดิศร ศิริวัฒน์ นายสุวรรณ์ คงพิทักษ์ และนายเริงฤทธิ์ สโมสร ทั้งหมดเป็นผู้นำชาวบ้านที่ต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินทำกินในชุมชนน้ำแดงพัฒนา ซึ่งทั้ง 4 ถูกฟ้องร่วมกับชาวบ้านชุมชนน้ำแดงพัฒนาอีก 11 คน หากย้อนไปเมื่อช่วงต้นปี 2560 ชาวบ้านชุมชนน้ำแดงพัฒนารวม 15 คน ถูกออกหมายจับโดยศาลจังหวัดเวียงสระ ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2560 แต่ชาวบ้านไม่รู้เรื่องการถูกออกหมายจับดังกล่าว เพราะตำรวจไม่เคยเรียกชาวบ้านให้ไปพบหรือไปสอบปากคำอะไรเลย หลังจากนั้นวันที่ 20 เมษายน 2560 ตำรวจ สภ. ชัยบุรี ก็ได้ทำการจับกุมชาวบ้านชุดแรกจำนวน 5 คน ภายในชุมชนน้ำแดงพัฒนา หลังจากนั้นก็มีชาวบ้านที่ถูกออกหมายจับทยอยเข้ามอบตัว ชาวบ้านทั้งที่ถูกจับกุมและที่เข้าพบตำรวจเอง ถูกเรียกหลักประกันในการปล่อยตัวชั่วคราวคนละ 600,000 บาท ชาวบ้านใช้วิธีเช่าหลักประกัน บางส่วนหยิบยืมจากญาติและได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรพัฒนาเอกชน เพราะทั้งหมดเป็นเกษตรกรที่ไร้ที่ดินทำกินและมีฐานะยากจน ต่อมาพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องชาวบ้าน แยกเป็น 3 คดี คือคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1460/2560, หมายเลขดำที่ 1461/2560 และหมายเลขดำที่ 1462/2560 โดยแต่ละคดีจะถูกฟ้องใน 3 ข้อหา ได้แก่ 1) บุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมดหรือบางส่วน หรือกระทำการใดๆอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข 2) ทำให้เสียทรัพย์ และ 3) อั้งยี่ หลังจากมีการดำเนินคดีกับชาวบ้านแล้ว บริษัทที่อ้างสิทธิในที่ดินในพื้นที่อันเป็นที่ตั้งชุมชนน้ำแดงพัฒนา ได้ให้คนงานเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มที่ชาวบ้านปลูกไว้ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และทุกครั้งที่คนของบริษัทเข้ามาในชุมชน ชาวบ้านชุมชนน้ำแดงพัฒนา รวมถึงชาวบ้าน 4 คนที่ถูกยื่นคำร้องขอเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวในครั้งนี้ ได้เข้าไปพูดคุยและขอให้คนของบริษัทเอกชนหยุดตัดปาล์มและขอให้ออกจากพื้นที่ และแทบทุกครั้งเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ชาวบ้านชุมชนน้ำแดงพัฒนาก็จะมีการไปแจ้งความที่ สภ. ชัยบุรี แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดีใดๆอย่างที่ควรจะเป็น ข้อพิพาทเรื่องที่ดินทำกินเป็นข้อพิพาทที่ยังไม่มีข้อยุติว่าใครมีสิทธิดีกว่ากัน เพราะชาวบ้านไร้ที่ดินทำกินได้เข้ามาก่อตั้งชุมชนน้ำแดงพัฒนา และทำการเพราะปลูกเพื่อเลี้ยงชีพในพื้นที่พิพาท ซึ่งเป็นพื้นที่ทิ้งร้างมาก่อนปี 2552 ซึ่งไม่ปรากฎมีเอกชนรายใดมาแสดงสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว กระทั่งปี 2559 ปรากฎเอกชนมาอ้างสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งพืชผลทางเกษตรกรรมชองชาวบ้าน เช่น ปาล์ม ยางพารา สามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว นอกจากนี้ เอกสารสิทธิที่บริษัทเอกชนนำมาอ้างสิทธิ์จำนวนหลายแปลง เป็นแปลงที่เคยมีการตรวจสอบจากคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการช่วยเหลือและแก้ปัญหาคดีความของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เมื่อปี 2552 แล้วพบว่าเข้าข่ายออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ และในการตรวจสอบในครั้งนั้นก็ระบุด้วยว่าเอกสารสิทธิ์ที่ดินในบริเวณใกล้เคียงก็น่าจะเข้าข่ายออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบเช่นกัน ดังนั้น เมื่อข้อพิพาทในที่ดินยังไม่มีข้อยุติ แต่บริษัทเอกชนกลับเข้ามาเก็บเกี่ยวพืชผลที่ชาวบ้านทำการเพาะปลูกไว้ ก็ย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรมของชาวบ้านในชุมชนที่จะรวมตัวกันเพื่อปกป้องพืชผลที่ตนได้ลงมือเพราะปลูกไว้ การที่บริษัทเอกชนใช้เงื่อนไขการดำเนินคดีและเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวมาเล่นงานชาวบ้าน โดยการขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวชาวบ้านผู้เป็นแกนนำสำคัญของชุมชนนั้น ถือเป็นการใช้เงื่อนไขทางกฎหมายมาขัดขวางการเข้าถึงความยุติธรรมของาวบ้าน เพราะหากมีการเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวชาวบ้านทั้ง 4 ตามคำร้อง ก็ย่อมกระทบต่อสิทธิของชาวบ้านทั้ง 4 ในการที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม โดยเฉพาะสิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และสิทธิที่จะต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังจะกระทบกับชาวบ้านชุมชนน้ำแดงพัฒนาที่ถูกดำเนินคดีคนอื่นๆในการที่จะออกมาใช้สิทธิอันชอบธรรมในการปกป้องทรัพย์สิน อันเป็นพืชผลทางการเกษตรของตัวเองด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงขอเชิญผู้สนใจและสื่อมวลชนเข้าร่วมติดตามและสังเกตการณ์คดีเพื่อเป็นสักขีพยานในการไต่สวนครั้งนี้ ในวันที่ 11 กันยายน 2560 เวลา 09.00 น. ณ ศาลจังหวัดเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี รายละเอียดเพิ่มเติมหรือประสานงาน ติอต่อ : นายอธิวัฒน์ เส้งคุ่ย ผู้ประสานงานเครือข่ายทนายสิทธิมนุษยชนภาคใต้ โทร 0894772563