4 May 2017
1324
กรณีทหารวิสามัญนักเรียนมัธยม เยาวชนต้นกล้าชาวลาหู่ คุ้มครองพยานในการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 นายชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนชายนักเรียนมัธยม 4 มีภูมิลำเนาที่ตำบลเมืองนะ อ.เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารยิงเสียชีวิตโดยอ้างว่าเป็นเหตุวิสามัญฆาตกรรมขณะตรวจค้นยาเสพติด โดยการปฎิบัติการครั้งนี้เป็นพื้นที่รับผิดชอบของร้อย.ม.2 บก.ควบคุมที่ 1 ฉก.ม 5 เหตุเกิดเวลาประมาณ 10.00 น. บริเวณด่านตรวจ บ.รินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ร่วมกับ ชสท.ที่ 9 กกล.ผาเมือง โดยเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณด่านตรวจดังกล่าวอ้างว่าขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อ Honda รุ่น jazz สีดำ ป้ายทะเบียน ขก 3774 เชียงใหม่ ขับมาตามเส้นทางจาก บ.เมืองนะ โดยมีนายพงศนัย แสงตะหล้า อายุ 19 ปี เป็นผู้ขับและนายชัยภูมิ ป่าแส อายุตามบัตร 21 ปีนั่งมาด้วย ได้ให้ความร่วมมือออกมาจากรถ แต่เกิดมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ทหารและมีการทำร้ายร่างกาย ต่อมานายชัยภูมิ ถูกยิงเสียชีวิตในบริเวณใกล้ด่านทหารดังกล่าว ส่วนนายพงศนัยถูกจับกุมดำเนินคดีส่งตัวเพื่อฝากขังข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสงสัยให้กับชาวบ้านและนักกิจรรมในพื้นที่เป็นอย่างมากเนื่องจากนายชัยภูมิเป็นนักเยาวชนนักกิจรรมเครือข่ายเยาวชนต้นกล้า มีความสามารถทางดนตรีและการทำภาพยนตร์สั้น แม้ยังไม่มีสัญชาติไทยแต่ได้ทำงานเรียกร้องสิทธิในการมีสัญชาติให้กับตนเองและชุมชนด้วยแนวทางสันติวิธี อีกทั้งเป็นที่รักของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์และภาคประชาสังคม ร่วมทำกิจกรรมทางสังคม ออกค่าย แต่งเพลง เล่นดนตรี และทำหนังสั้น รวมทั้งได้เข้าร่วมโครงการ “เด็กและเยาวชนส่งเสียงเพื่อสื่อสารสังคม” ของมูลนิธิส่งเสริมเพื่อเด็กและเยาวชน สถาบันเด็กและเยาวชน (สสย.) สะท้อนปัญหาของเด็กชนเผ่า (อ่านต่อ ปัญหาของเด็กต้อง’ถาม’เด็ก-กับโครงการ’เด็กและเยาวชนส่งเสียงเพื่อสื่อสารสังคม’ ทางออกเยาวชนไทยยุค’4.0′ ) ส่วนนายพงศนัยก็เป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานนักเรียน โดยทั้งสองคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกัน ทั้งนี้ทางหน่วยงานทหารได้นำเสนอข่าวและภาพโดยอ้างว่าได้มีการตรวจค้นรถยนต์พบยาเสพติดจำนวนหนึ่ง พบมีดทำการเกษตรและมีระเบิดหนึ่งลูก อีกทั้งการวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิเกิดจากเจ้าหน้าที่ติดตามในระหว่างผนายชัยภูมิวิ่งหลบหนี ผู้ต้องหาพยายามจะนำระเบิดแบบขว้างสังหารไม่ทราบชนิดใส่เจ้าหน้าที่ จึงยิงตอบโต้ไป 1 นัดทำให้นายชัยภูมิเสียชีวิต ซึ่งอาจขัดกับพยานหลักฐานที่ปรากฎตามเนิ้อตัวร่างกายของผู้ตาย และข้อมูลพยานหลักฐานที่ฝ่ายชาวบ้านกล่าวอ้าง การปราบปรามยาเสพติดเป็นภาระกิจสำคัญซึ่งต้องดำเนินการด้วยความเป็นมืออาชีพและงานด้านการข่าวที่แม่นยำ อีกทั้งเมื่อมีการมอบหมายภาระกิจสำคัญกับเจ้าหน้าที่ทหารที่อาจไม่มีความเชี่ยวชาญในการปราบปรามยาเสพติด จนอาจนำมาสู่การใช้กำลังเกินกว่าเหตุและการกระทำการละเมิดต่อประชาชน หากขาดการตรวจสอบถ่วงดุลย่อมอาจทำให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกระทำการที่นอกกฎหมายได้ ในขณะเดียวกันสิทธิในชีวิตย่อมต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และไม่มีใครควรถูกพรากชีวิตไปโดยพลการ มูลนิธิผสานวัฒนธรรมมีความห่วงกังวลในการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว จึงขอเรียกร้องดังนี้