แถลงการณ์ ให้ยุติการปิดกั้นการใช้เสรีภาพในการแสดงออกและการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ
17 July 2016
1303
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังจะมีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม 2559 นี้ แต่การรณรงค์ก่อนประชามติกลับเป็นไปอย่างจำกัดเนื่องจากการแสดงออกในทางโต้แย้งร่างรัฐธรรมนูญถูกปิดกั้น โดยเฉพาะมาตรการทางกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่รัฐภายใต้รัฐบาล คสช. ได้บังคับใช้มาตรา 61 วรรคสองพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 และข้อ 12. ของคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 อย่างกว้างขวางเพื่อปิดกั้นกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวในทางที่ไม่เห็นด้วยหรือโต้แย้งร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติ ซึ่งการจับกุมนักกิจกรรม นักศึกษาและผู้สื่อข่าวรวม 5 รายที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ถือเป็นกรณีล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในทางที่ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน
องค์กรและบุคคลที่มีรายชื่อปรากฏท้ายแถลงการณ์นี้ มีความกังวลต่อสถานการณ์การบังคับใช้กฎหมายที่เกิดขึ้นดังกล่าว จึงมีความเห็นและข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้
- เสรีภาพในการแสดงออก เป็นสิทธิที่รับรองไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง ที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งกติกาฯดังกล่าวได้ประกันสิทธิของบุคคลทุกคนที่จะถือเอาความคิดเห็นใดๆโดยปราศจากการแทรกแซง และบุคคลทุกคนมีสิทธิในเสรีภาพแห่งการแสดงออก รวมถึงเสรีภาพที่จะแสวงหา รับและกระจายข่าวและความคิดเห็นทุกรูปแบบ
เสรีภาพในการแสดงออก เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นในการที่จะส่งเสริมความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์และถือเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ในสังคมประชาธิปไตย เพราะเสรีภาพดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญในการแลกเปลี่ยนซึ่งความคิดเห็นอันนำไปสู่การพัฒนาสังคมการเมือง ส่งเสริมให้เกิดความโปร่งใสและความรับผิดชอบของผู้ใช้อำนาจรัฐ และนำมาซึ่งการปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนและสังคมโดยส่วนร่วม อีกทั้ง ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ประชาธิปไตยและการปรองดองดังที่ คสช. กล่าวอ้างเป็นเหตุในการเข้ายึดอำนาจ
การเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกความคิดเห็นได้แลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่และกว้างขวางที่สุดเท่านั้น ที่จะช่วยขจัดความคลุมเครือสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน และถือได้ว่าการออกเสียงประชามติเป็นไปโดยอิสระภายใต้กติกาที่เป็นธรรม
- แม้การจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกสามารถทำได้ แต่ไม่ใช่โดยอำเภอใจของผู้ใช้อำนาจรัฐ และจะต้องถูกพิจารณาเป็นวิถีทางสุดท้ายภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่จำเป็นแก่การเคารพในสิทธิหรือชื่อเสียงของบุคคลอื่น และการรักษาความมั่นคงของชาติ หรือความสงบเรียบร้อย หรือการสาธารณสุขหรือศีลธรรม ซึ่ง“กฎหมาย” ที่จะถูกนำมาจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกนั้น จะต้องไม่มีผลร้ายถึงขนาดไม่ให้แสดงความคิดเห็นอีกทั้งต้องเป็นไปตามหลักแห่งความจำเป็นและหลักสัดส่วน และกฎหมายจะต้องใช้เพื่อควบคุมการกระทำของปัจเจกชนเป็นการทั่วไป ไม่ใช่การควบคุมความคิดหรือการห้ามอย่างไร้เหตุผลและตามอำเภอใจของผู้ใช้อำนาจรัฐ รวมถึงกฎหมายนั้นจะต้องกำหนดมาตรฐานในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นที่มีความชัดเจนและสามารถเข้าใจได้โดยง่ายว่าการฝ่าฝืนกรณีใดบ้างจะต้องถูกดำเนินคดี
การอ้างเหตุผลว่าจะต้องรักษาความสงบเรียบร้อย (public order) หรือการรักษาความมั่นคงของรัฐนั้น จะต้องไม่ใช่เพียงการกล่าวอ้างความจำเป็นอย่างกว้างขวางครอบคลุมไปทุกๆเรื่อง หรืออ้างเหตุผลลอยๆตามอำเภอใจของผู้ปกครอง แต่จะต้องแสดงถึงเหตุผลที่ชอบธรรมว่าการกระทำของปัจเจกชนนั้นจะก่อให้เกิดภยันตรายต่อรัฐอย่างไร ดังนั้น หากมีการปราบปรามหรือยับยั้งการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนโดยชอบธรรม การจับกุม ฟ้องร้องสื่อสารมวลชน นักวิชาการ นักกิจกรรม หรือนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอันเนื่องมาจากการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารซึ่งรัฐไม่มีข้อเท็จจริงใดๆที่จะแสดงอย่างชัดแจ้งว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ย่อมถือเป็นการละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก
- การตีความกฎหมายที่มีโทษทางอาญาต้องกระทำโดยเคร่งครัด การตีความเพื่อบังคับใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 มาตรา 61 ก็เช่นเดียวกัน บทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวควรมุ่งใช้บังคับกับกรณีที่มีการกระทำทางกายภาพที่แสดงออกมาชัดเจนและมีผลไปขัดขวางไม่ให้การทำประชามติเป็นไปโดยถูกต้องและเรียบร้อย การมีเอกสารไว้ในความครอบครองนั้นไม่ถือว่าเป็นการกระทำความผิด อีกทั้งข้อเท็จจริงหรือความคิดเห็นโต้แย้งตามหลักวิชาการ ซึ่งถือเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นที่พึงกระทำได้ภายใต้กรอบกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง และย่อมถือเป็นการแสดงออกโดยสุจริตและไม่ขัดต่อกฎหมายตามที่มาตรา 7 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 รับรองไว้ด้วย ดังนั้น การจับกุมและตั้งข้อกล่าวหาผ่านการตีความกฎหมายอย่างกว้างขวางเพื่อให้พฤติการณ์ที่ไม่ได้มีการกระทำความผิดที่ชัดแจ้งนั้นเป็นความผิด ย่อมขัดต่อหลักการตีความกฎหมายอาญาที่ต้องกระทำโดยเคร่งครัด
ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมา องค์กรและบุคคลที่มีรายชื่อปรากฎท้ายแถลงการณ์นี้จึงขอเรียกร้องต่อผู้เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้โดยทันที
- ประเทศไทยในฐานะภาคีสมาชิกตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมืองย่อมมีพันธะที่จะต้องเคารพและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพตามที่กติกาฯดังกล่าวกำหนดไว้
- ยุติการใช้กฎหมายและคำสั่ง คสช. เป็นเครื่องมือปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และยกเลิกการตั้งข้อหาและการดำเนินคดีต่อผู้ใช้เสรีภาพในการแสดงออกและรณรงค์เกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญและการลงประชามติโดยสันติ
- ต้องเปิดพื้นที่การแสดงออกและแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายและกว้างขว้าง ตลอดจนเปิดพื้นที่การมีส่วนร่วมของประชาชนให้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญที่รอบด้านและเพียงพอเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมีผลกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประชาชนทุกคน
ด้วยความเคารพต่อหลักการสิทธิสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
- สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (HRLA)
- สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (UCL)
- มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)
- มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF)
- มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน (CRC)
- ศูนย์พิทักษ์และฟื้นฟูสิทธิชุมชนท้องถิ่น (CRPC)
- สมชาย หอมลออ
- แสงชัย รัตนเสรีวงศ์
- สงกรานต์ ป้องบุญจันทร์
- พนม บุตะเขียว
- ปรีดา ทองชุมนุม
- ปรีดา นาคผิว
- ส.รัตนมณี พลกล้า
- กฤษดา ขุนณรงค์
- สัญญา เอียดจงดี
- สุรชัย ตรงงาม
- วราภรณ์ อุทัยรังษี
- ณัฐาศิริ เบิร์กแมน
- คอรีเยาะ มานุแช
- มนตรี อัจฉริยสกุลชัย
- มึดา นาวานาถ
- ชัชลาวัณย์ เมืองจันทร์
- อัมรินทร์ สายจันทร์
- มนทนา ดวงประภา
- ศุภมาศ มะละสี
- สุภาภรณ์ มาลัยลอย
- จริงจัง นะแส
- ธนกฤต โต้งฟ้า
- มนัญญา พูลศิริ
- ไพรัตน์ จันทร์ทอง
- ชลธิชา ตั้งวรมงคล
- ผรัณดา ปานแก้ว
- บัณฑิต หอมเกษ
- เจนจิณณ์ เอมะ
- จุลศักดิ์ แก้วกาญจน์
- นิจนิรันดร์ อวะภาค
- บดินทร์ สายแสง
- คุ้มเกล้า ส่งสมบูรณ์
- ประดิษฐา ปริยแก้วฟ้า
- ธรธรร การมั่งมี
- ภัทรานิษฐ์ เยาดำ
- ปรียาภรณ์ ขันกำเนิด
- สุนิดา ปิยกุลพานิชย์
- ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์
- ณัฐวดี เต็งพานิชกุล
- อธิวัฒน์ เส้งคุ่ย
- จิรารัตน์ มูลศิริ
- เลาฟั้ง บัณฑิตเทิดสกุล
- อานนท์ นำภา
- เฉลิมศรี ประเสริฐศรี
- สลักจิต แก้วคำ
- สุธาทิพย์ อมปาน
- ทิตศาสตร์ สุดแสน
- ธัญญารัตน์ เพ็งลาภ
- นางสาวละอองดาว โนนพลกรัง
- ประภาพรรณ สีหาฤทธิ์
- นรเศรษฐ์ นาหนองตูม
- อภิชาต พงษ์สวัสดิ์
- อรษา ไตรโชค
- กมลวรรณ แซ่เล้า
- ชนาง อำภารักษ์
- ยุบลวรรณ ธนะบุตร
- นภาพร สงปรางค์
- วัชระศักดิ์ วิจิตรจันท์
- สุพรรษา มะเหร็ม
- ปภพ เสียมหาญ
--
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)
โทรศัพท์ /แฟ๊กซ์ : 02-6930682
อีเมล์ : hrla2008@gmail.com
www.naksit.org