24 June 2016
1140
กรณีวิสามัญนักศึกษาและชาวบ้านผู้เสียชีวิต 4 รายบ้านโต๊ะชูด ศาลจังหวัดปัตตานีนัดสืบพยานฝ่ายญาติผู้ตายในวันที่ 24 มิถุนายน 2559 เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาที่ 7 คดีชันสูตรพลิกศพ(ไต่สวนการตาย) หมายเลขดำที่ ช.11/2558 ระหว่าง พนักงานอัยการ ผู้ร้อง นายสูไฮมี เซ็น กับพวกรวม 4 คน ผู้ตาย เป็นการไต่สวนนัดสุดท้าย โดยในนัดนี้นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี จะมาเป็นพยานเบิกความต่อศาลด้วย ในนามคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี คดีนี้ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม, 9 พฤศจิกายน 2558, 2 และ 3 กุมภาพันธ์ 2559 ศาลจังหวัดปัตตานีได้ทำการไต่สวนพยานบุคคลไปแล้วจำนวน 4 วัน รวมทั้งมีการสืบพยานไปแล้ว 17 ปากได้แก่พยานของฝ่ายพนักงานอัยการ ผู้ร้อง 8 ปาก และพยานฝ่ายญาติผู้ตาย ผู้ร้องซักถาม 9 ปาก เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมาทางด้านครอบครัวผู้ตายทั้งสี่และชาวบ้านในหมู่บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้ร่วมกันจัดงานละหมาดฮายัตเพื่อให้เกิดสันติสุข ต้อนรับเดือนรอมฎอน และจัดเวทีพูดคุย โดยในวันดังกล่าว ตัวแทนครอบครัวผู้ตาย กล่าวว่า “ หลังเหตุการณ์ ตอนที่เขามาขอโทษ เจ้าหน้าที่ออกมายอมรับว่าเป็นความผิดของตนเองในการปฏิบัติหน้าที่ อาเยาะรู้สึกดีขึ้นไม่เสียใจแล้ว แต่เมื่ออยูในชั้นศาลกลับบอกว่า ลูกชายของตนเป็นคนร้าย มีอาวุธปืน ตนมีความรู้สึกว่า ลูกชายไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนมองว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีความจริงใจความบริสุทธิ์ ( ความอิคลาส ) ทางครอบครัวเพียงอยากให้ลูกชายที่เสียชีวิตไปแล้วได้รับความเป็นธรรม ไม่ถูกสังคมกล่าวหาว่าเป็นคนร้าย หรือแนวร่วมก่อความไม่สงบ ครอบครัวไม่ได้ต้องการเงินเยียวยาเป็นล้านๆ เงินกี่ล้านก็ไม่สามารถทดแทนลูกชายที่เสียไปได้ เขากำลังจะเรียนจบปริญญาตรี กำลังจะไปสอบเป็นปลัดตามที่ลูกชายบอกเขาไว้ก่อนถูกยิงเสียชีวิต” ขอเชิญสื่อมวลชนหรือผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดีของศาลตามและเวลาดังกล่าว ข้อมูลเพิ่มเติม อ่านเอกสารแนบ นายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ ทนายความ มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดปัตตานี โทร 081-89874008 นายปรีดา นาคผิว ทนายความ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม โทร 089-26222474 เอกสารแนบ ข้อเท็จจริงในคดีกรณีวิสามัญนักศึกษาและชาวบ้าน รวม 4 ศพที่บ้านโต๊ะชูด สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2558 มีการสนธิกำลังระหว่างฉก.ปัตตานี 25 นปพ. 431 ฉก ทพ.41กำลังตำรวจจาก สภ.ทุ่งยางแดง จนท.ฝ่ายปกครอง และทหารจากร้อย ร.35314 ฉก.ปัตตานี ได้เข้าปฏิบัติการตรวจสอบความผิดปกติในพื้นที่ ม.6 บ.โต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี การปฏิบัติการดังกล่าว ส่งผลให้มีการจับกุมประชาชนจำนวน 22 คน และวิสามัญฆาตกรรม จนมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 4 ศพ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ให้ข่าวสารต่อสาธารณะว่าผู้เสียชีวิต 2 คน คือ นายอันวาร์ ดือราแม และนายมากูรอซี แมเราะ เป็นแกนนำก่อความไม่สงบในพื้นที่ทุ่งยางแดงระดับปฏิบัติการ (RKK) ได้ใช้อาวุธต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ความจริงของเหตุการณ์ ไม่ได้มีบุคคลทั้งสองรายชื่อดังกล่าวเสียชีวิต แต่ผู้เสียชีวิต 4 ราย ได้แก่ นายสุไฮมี เซ็น นายคอลิด สาแม็ง นายมะดารี แม้เราะ และ นายซัดดัม วานุ โดยนายคอลิดและนายมะดารี เป็นนักศึกษาคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยฟาฏอนี จังหวัดปัตตานี ชาวบ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุและญาติเชื่อว่าผู้ตายไม่มีอาวุธและไม่ได้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด จากกรณีดังกล่าวนี้ทำให้ภาคประชาสังคมและองค์กรมุสลิมมีความสงสัยว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ ต่อมาทางผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผลการสอบสวนปรากฏว่า จากการข่าวและพยานบุคคลยืนยันว่า ไม่ปรากฏว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คน มีพฤติการณ์เป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงหรือแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบมาก่อน มีเพียงบางรายที่เคยถูกจับเพราะเสพน้ำกระท่อม ก่อนถูกยิงเสียชีวิตในขณะที่วิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ ไม่ปรากฏว่าผู้ตายทั้ง 4 ราย มีอาวุธปืนแต่อย่างใด คณะกรรมการจึงมีความเห็นเชื่อว่าผู้ตายทั้ง 4 ราย ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุรุนแรงและไม่ใช่แนวร่วมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ส่วนการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่นั้น คณะกรรมการมีความเห็นว่าจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติการครั้งนี้ น่าเชื่อว่ามีเหตุผลเพียงพอ เนื่องจากมีข้อมูลด้านข่าวกรองและข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงอยู่ในพื้นที่ ส่วนอาวุธที่เจ้าหน้าที่อ้างว่าพบอยู่กับผู้ตาย ไม่มีหลักฐานบ่งชี้เชื่อมโยงกับผู้ตาย และจากการตรวจสอบอาวุธปืนดังกล่าว ไม่พบว่าเคยใช้ในการกระทำความผิดมาก่อน จึงไม่สามารถสรุปได้ คงให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการ แต่น่าเชื่อว่าไม่ใช่เป็นอาวุธของผู้ตายตั้งแต่เริ่มต้น และได้เสนอแนะให้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ทำให้ชาวบ้านทั้ง 4 คนเสียชีวิต ทั้งให้ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบตามระเบียบโดยเร็ว นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการปรับปรุงระบบการข่าวกรองให้แม่นยำมากขึ้น การเข้าปิดล้อมตรวจค้นควรมีผู้นำท้องถิ่นเข้าร่วมด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ผิดพลาดดังกล่าวอีก และถ้าเกิดเหตุคล้าย กับกรณีดังกล่าว ให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเร่งชี้แจงข้อเท็จจริงโดยเร็ว ในการไต่สวนการตายเป็นคดีวิสามัญเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2558 เป็นการไต่สวนคดีนัดแรก ญาติผู้ตายทั้ง 4 ได้แต่งตั้งทนายความ จาก ศูนย์ทนายความมุสลิม โดยทนายความได้ยื่นคำร้องเพื่อซักถามพยานของพนักงานอัยการ โดยศาลได้ไต่สวนพยานไปแล้ว 4 ปาก คือ พ.ต. ลิขิต กระฉอดนอก เจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วย ฉก.ที่ 41 จ.ส.ต.อัมพร เลี่ยเห้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปฏิบัติการชายแดนใต้ อส.ทพ. วิรัตน์ชัย บือซา อาสาสมัครทหารจากหน่วย ฉก.ที่ 41 และนายแพทย์อรัญ รอกา แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2558 ศาลจังหวัดปัตตานีได้ไต่สวนคำร้องในคดีนี้เป็นนัดที่สอง โดยศาลได้ไต่สวนพยานที่เบิกความพนักงานอัยการผู้ร้องในวันนี้ทั้งหมดสองปาก คือ อาสาสมัครทหารพราน รัชพล มั่นคง กรมทหารพรานที่ 41 วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา และ พ.ต.ท ดำรงศักดิ์ ตอประเสริฐ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการสืบสวน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 2 และ 3 กุมภาพันธ์ 2559 ศาลจังหวัดปัตตานีได้ทำการไต่สวนคำร้องคดีชันสูตรพลิกศพ ผู้ตายทั้งสี่ คดีหมายเลขดำที่ ช.11/2558 โดยสืบพยานทั้งฝ่ายพนักงานอัยการ ผู้ร้อง และฝ่ายญาติผู้ตาย ผู้ร้องซักถาม รวมทั้งสิ้นจำนวน 11 ปาก กล่าวคือ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 สืบพยานฝ่ายผู้ร้องจำนวน 2 ปาก ได้แก่ ร.ต.ท.ธัชพล มณีแสง เจ้าพนักงานตำรวจ ซึ่งเบิกความว่าตนเป็นผู้ยิงนายซัดดัม วานุ เสียชีวิต เพื่อป้องกันตัว ขณะที่ผู้ตายหันหน้าเล็งอาวุธปืนยิงมาทางตน แต่เมื่อตอบคำซักถามทนายความฝ่ายญาติผู้ตายตามรายงานชันสูตรพลิกศพที่แพทย์ระบุบาดแผล ปรากฏว่านายซัดดัมถูกอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ยิงเข้าทางด้านหลัง และ ร.ต.ท.สมพล เพียรดี พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งยางแดง เบิกความถึงการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ในคดีแล้วจึงสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการ แต่เมื่อตอบคำซักถามทนายความของญาติผู้ตายทั้งสี่ พนักงานสอบสวนยอมรับว่าไม่ได้ส่งพยานหลักฐานสำคัญในส่วนผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอเข้ามาในสำนวนคดี และรับว่าจะดำเนินการเพื่อนำส่งพยานหลักฐานดังกล่าวต่อศาลภายใน 7 วัน คือภายในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2559 เมื่อสืบพยานผู้ร้องทั้งสองปากเสร็จ พนักงานอัยการแถลงหมดพยาน ดังนั้นนับรวมพยานทั้งหมดของฝ่ายอัยการ ผู้ร้อง ที่สืบในคดีนี้ จำนวน 8 ปาก วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2559 สืบพยานฝ่ายผู้ร้องซักถาม จำนวน 9 ปาก โดยผู้ร้องซักถามทั้งสี่คือบิดาหรือมารดาของผู้ตายทั้งสี่ ได้แก่ นายมะหามะ เซ็นและ บิดานายสุไฮมี เซ็น ผู้ตายที่ 1 นางซูรายา สาเม็ง มารดานายคอลิด สาแม็ง ผู้ตายที่ 2 นางฮาตีส๊ะ สาแมงมารดานายมะดารี แม้เราะผู้ตายที่ 3 และ นางอาลี วานุ มารดานายซัดดัม วานุ ผู้ตายที่ 4 เบิกความทำนองเดียวกันว่าได้ทราบว่าบุตรของตนเสียชีวิตหลังจากเกิดเหตุการณ์และศพถูกเคลื่อนย้ายไปชันสูตรที่โรงพยาบาลปัตตานี แล้วจึงได้เดินทางไปรับศพมาประกอบพิธีตามหลักศาสนาอิสลาม ส่วนพยานฝ่ายผู้ร้องซักถามอีก 5 ปาก เป็นชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ได้แก่ เจ้าของบ้านที่กำลังก่อสร้างและชาวบ้านที่ไปรับจ้างก่อสร้างบ้านดังกล่าว ต่างรู้เห็นเหตุการณ์ ได้เบิกความสอดคล้องกันว่า วันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่จำนวนหลายสิบนายแต่งกายชุดดำ พร้อมอาวุธปืนยาวประจำกาย ส่วนใหญ่โพกผ้าปิดศีรษะและใบหน้า มีการยิงไปยังกลุ่มวัยรุ่นชายประมาณ 4-5 คน ที่กำลังวิ่งหนี เพราะรวมกลุ่มกันต้มน้ำพืชกระท่อมดื่มกันอยู่ที่ขนำใกล้ ๆ บ้านหลังที่ก่อสร้าง ในจำนวนวัยรุ่นที่วิ่งหนีดังกล่าวบางคนแต่งกายชุดนักศึกษาด้วย ไม่มีพยานคนใดยืนยันว่าเห็นเจ้าหน้าที่ยิงถูกใครตายบ้าง แต่พยานทั้ง 5 ปากยืนยันหนักแน่นตรงกันว่ากลุ่มวัยรุ่นที่วิ่งหนีเจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่มีคนใดมีอาวุธและยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ พยานบางคนถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุแล้วถูกปล่อยตัวหลังเหตุการณ์สงบ พยานหลายคนถูกควบคุมตัวไปค่ายทหารเป็นเวลาหลายวันจึงได้รับการปล่อยตัวและไม่ได้ถูกดำเนินคดีใด ๆ การสืบพยานฝ่ายผู้ร้องซักถามดังกล่าวพนักงานอัยการไม่ติดใจถามค้าน เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2559 ทางด้านครอบครัวผู้ตายทั้งสี่และชาวบ้านในหมู่บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้ร่วมกันจัดงานละหมาดฮายัตเพื่อให้เกิดสันติสุข ต้อนรับเดือนรอมฎอน และจัดเวทีพูดคุย โดยในวันดังกล่าว ตัวแทนครอบครัวผู้ตายได้กล่าวว่า “ หลังเหตุการณ์ ตอนที่เขามาขอโทษ เจ้าหน้าที่ออกมายอมรับว่าเป็นความผิดของตนเองในการปฏิบัติหน้าที่ อาเยาะรู้สึกดีขึ้นไม่เสียใจแล้ว แต่เมื่ออยูในชั้นศาลกลับบอกว่า ลูกชายของตนเป็นคนร้าย มีอาวุธปืน ตนมีความรู้สึกว่า ลูกชายไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนมองว่าเจ้าหน้าที่ไม่ความจริงใจ ความบริสุทธิ์ ( ความอิคลาส ) ทางครอบครัวเพียงอยากให้ลูกชายที่เสียชีวิตไปแล้วได้รับความเป็นธรรม ไม่ถูกสังคมกล่าวหาว่าเป็นคนร้าย หรือแนวร่วมก่อความไม่สงบ ครอบครัวไม่ได้ต้องการเงินเยียวยาเป็นล้านๆ เงินกี่ล้านก็ไม่สามารถทดแทนลุกชายที่เสียไปได้ เขากำลังจะเรียนจบปริญญาตรี กำลังจะไปสอบเป็นปลัดตามที่ลูกชายบอกเขาไว้ก่อนถูกยิงเสียชีวิต”