ประเด็นการหารือระหว่าง นางอองซาน ซูจี/ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
24 June 2016
1013
22 มิถุนายน 2559
ประเด็นการหารือระหว่าง นางอองซาน ซูจี/ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เสนอโดย เครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN)
หากมีข้อที่ต้องการซักถามเพิ่มเติมนอกเหนือจากแถลงการณ์ฉบับนี้ โปรดติดต่อ:
- นางสาวสุธาสินี แก้วเหล็กไหล(ผู้ประสานงานเครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) ประเทศไทย) kaewleklai.bik@gmail.comโทร: +66 (0) 814328259
- นาย โก เส่ง เต (ประธานเครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ) kzlinn.sein@gmail.comโทร: + ุุ66(0) 94 679 2478
- นายอานดี้ ฮอลล์ (ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ เครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ) andyjhall1979@gmail.comโทร: +66 (0) 846 119209
- MWRN ตระหนักว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยเเละเมียนมาร์ด้านแรงงานข้ามชาติ/นโยบายการย้ายถิ่นมีประสิทธิผลมาขึ้น
- MWRN ตระหนักถึงการพัฒนาของกระบวนการตั้งแต่ พ.ศ. 2552 ที่ทำให้แรงงานข้ามชาติที่มีสถานะเป็นคนที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย เป็นแรงงานข้ามชาติจำนวนมากที่ได้มาขึ้นทะเบียน และได้รับการพิสูจน์สัญชาติมากกว่าก่อน ทั้งยังสามารถเข้าถึงสิทธิมากขึ้น
- MWRN ทราบถึงการลดจำนวนคนงานที่มีหนังสือเดินทางอย่างเป็นทางการที่หนังสือเดินทางฉบับนั้นถูกยึดใว้และแรงงานข้ามชาติมีเสรีภาพการเดินทางและ สามารถเข้าถึงสิทธิแรงงานดีขึ้น
- MWRN ทราบว่าแรงงานนั้นมีความมั่นใจมากขึ้น และมีศักยภาพทั้งในระดับบุคคล และกลุ่มบุคคล ที่จะร่วมกันที่จะเจรจาต่อรองการเข้าถึงสิทธิและความเป็นธรรม
- MWRN รับทราบถึงการคุ้มครองที่เพิ่มระดับสูงขึ้นสำหรับแรงงานประมงและการปรับสภาพแรงงานให้เป็นแรงงานเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายสูงขึ้น
- MWRN รับทราบถึงและสนับสนุนการทำงานร่วมกันล่าสุดกับอธิบดีกรมการจัด หางานเพื่อที่จะลดปัจจัยความเสียงที่จะนำไปสู่การแสวงประโยชน์จากแรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการออกกฎระเบียบใหม่ ที่กำหนดให้ห้ามนำเข้าแรงงานข้ามชาติโดยใช้บริษัทรับเหมาช่วงหรือบริษัทที่ทำสัญญาช่วง และการร่างกฎหมายและกฎระเบียบใหม่เพื่อควบคุมการประกอบกิจการของนายหน้าหรือนายหน้ารายย่อยในการจัดหางแรงงานข้ามชาติ
- MWRN รับทราบถึงและสนับสนุนโครงการล่าสุดและการทำงานร่วมกันระหว่าง MWRN กับบริษัทไทย ยูเนี่ยน มหาชน จำกัด (Thai Union) ในการมุ่งหน้าไปสู่แนวทางการปฎิบัติที่ดี อันแสดงถึงความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างภาคธุรกิจและองค์กรประชาสังคมในการจัดหางาน (ค่าธรรมเนียมจัดหางานเป็นศูนย์) และการสานเสวนาทางสังคมระหว่างกันและกัน
- MWRN รับทราบถึงการเพิ่มขึ้นของการฟ้องคดีต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการ ค้ามนุษย์สำหรับการบังคับใช้แรงงานและมีการอภิปรายความมุ่งมั่นทุ่มเทในประเด็นการค้ามนุษย์มากขึ้น
- MWRN รับทราบถึงการลดการใช้แรงงานเด็กในประเทศไทย
อย่างไรก็ดี:
- MWRN กังวลกับนโยบายการย้ายถิ่น หลักการนิติธรรม ระบบการจัดหางาน ความล้มเหลวในการจ่ายค่าจ้างที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ การขาดการหารือทางสังคม เสรีภาพในการเดินทางของแรงงานต่างด้าวที่ยังถูกจำกัด
- MWRN กังวลกับข้อเสนอแนะแนะจากนานาชาติต่อรัฐบาลไทย และข้อเสนอแนะเหล่านี้จะถูกนำมาบังคับใช้ในทางปฎิบัติอย่างไรในบริบทที่เกี่ยวข้องกับ IUU การจัดการการค้ามนุษย์ ด้วยความรวดเร็ว โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้นต่อแรงงานข้ามชาติ ซึ่งต้องการการดำเนินการเยียวยาโดยเร็วที่สุด
- MWRN กังวลกับข้อเสนอเเนะและการรณรงค์จากนานาชาติ เกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยที่มุ่งเป้าไปที่กิจการอาหารทะเลและกิจการประมงมากเกินไป ในขณะที่ยังมีการละเมิดสิทธิแรงานข้ามชาติอย่างเป็นระบบในภาคส่วนต่าง ๆ ในประเทศไทย และในอุตสาหกรรมอีกหลายภาคส่วน
- MWRN กังวลกับโครงการที่ได้รับทุนจากระหว่างประเทศเกี่ยวกับสภาพชีวิตแรงงานข้ามชาติ ซึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญ กับการศึกษาของแรงงานและการหารือทางสังคม การเสริมพลังแรงงาน เเละ การจัดตั้งแรงงานข้ามชาติเป็นระดับต้นๆ
- MWRN กังวลกับการขาดความโปร่งใสในข้อมูลเรื่องโซ่อุปทานในระดับนานาชาติ และระบบการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐในประเทศพัฒนาแล้ว ที่นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และห่วงโซ่อุปทานเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสภาพชีวิตของแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านแรงงานข้ามชาติสำหรับประเทศไทย
- ไทยต้องมีแผนการพัฒนาระดับชาติระยะยาวด้านนโยบายการย้ายถิ่นแบบองค์รวมและยั่งยืนที่พัฒนา อย่างครอบคลุมเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการความมั่นคงของมนุษย์ เศรษฐกิจ เเละความมั่นคงของชาติ
- หน่วยงานด้านการย้ายถิ่นควรอยู่ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรีโดยมีหน้าที่รับผิดชอบการพัฒนานโยบายการเคลื่อนย้ายของไทยและประเด็นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับแรงงานข้ามชาติ
- ไทยควรรับรองว่าจะใช้หลักนิติธรรมผ่านการบังคับใช้กฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ทุกคน เพื่อที่จะป้องกันการทุจริตอย่างเป็นระบบอย่างต่อเนื่องและรับรองการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานและสังคม
- ไทยควรเร่งรัดให้ความสำคัญกับการย้ายถิ่นข้ามชายแดนอย่างเป็นทางการ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน มีราคาถูก และเป็นการย้ายถิ่นโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นระดับแรกๆ โดยผ่านนโยบายไม่มีค่าธรรมเนียมการรับสมัครเพื่อที่จะลดการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งสร้างความตระหนักเรื่องช่องทางการย้ายถิ่นที่ปลอดภัยและชอบด้วยกฎหมาย
- หน่วยงาน/สำนักจัดหางานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการย้ายถิ่น ควรมีการวางระเบียบกฎเกณฑ์ที่้เคร่งครัดโดยใช้เครื่องมือทางกฎหมาย และบังคับใช้กลไกทางกฎหมายอย่างเต็มที่โดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่ได้รับการฝึกอบรม พร้อมทั้งมีล่ามแปลภาษา หน่วยงานจัดหางานต้องตรวจสอบว่ามีตำแหน่งงานสำหรับแรงงานตามที่เปิดรับสมัครไว้ มีการปฏิบัติตามสัญญาและไม่มีการนำแรงงานไปใช้งานขัดหนี้หรือการยึดเอกสาร
- ไทยควรพัฒนากระบวนการขั้นตอนที่มีราคาถูกและไม่ซับซ้อนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยประกันว่าการออกเอกสารประจำตัวหรือการยืนยันสถานะพลเรือนมีความยั่งยืน โดยวางกฎเกณฑ์สำหรับแรงงานเปลี่ยนสถานะแรงงานข้ามชาติที่เดินทางเข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่เชื่อมโยงกับระบบการลงทะเบียนราษฎรในประเทศต้นทาง ที่ได้รับวางแผนสำหรับนโยบายระยะยาว
- ไทยต้องปฎิบัติตามกับข้อบังคับภายใต้อนุสัญญา ILO ฉบับที่ 87/98 ที่อนุญาตให้แรงงานที่ไม่ใช่คนสัญชาติไทยตั้งสหภาพแรงงานด้วยตนเองและสามารถใช้สิทธิการต่อรองร่วมเพื่อพัฒนาการหารือทางสังคมในสถานประกอบการ
- ไทยควรมีนโยบายการย้ายถิ่นที่ไม่ก่อให้เกิดการบังคับใช้แรงงานผ่านการจำกัดเสรีภาพการเดินทางสำหรับแรงงานข้ามชาติ ไทยควรละเว้นการออกกฎการลงทะเบียนที่จำกัดการเดินทางนอกบริเวณที่
ลงทะเบียน หรือข้อจำกัดการเดินทางที่ไม่สมเหตุสมผลสำหรับแรงงานข้ามชาติในด้านเรื่องการเปลี่ยนแปลง นายจ้าง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการห้ามการเดินทางออกนอกพื้นที่อุสาหกรรมประมงสำหรับแรงงานข้ามชาติในอุตสาหกรรมประมง)
- ไทยควรพัฒนานโยบายพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงานข้ามชาติด้วยการฝึกอบรมการก่อตั้งธุรกิจและการ
จัดการทรัพยกรบุคคล คู่ขนานไปกับการให้ทุนในประเทศประเทศต้นทางเพื่อให้มีแรงผลักดันสำหรับแรงงานที่ย้ายถิ่นกลับเพื่อที่จะก่อตั้งกิจการขนาดเล็กและกลางในประเทศต้นทาง
- ไทยควรรับประกันค่าจ้างขั้นต่ำว่าจะเป็นค่าจ้างที่เพียงพอต่อการดำรงชึวิต
- ไทยควรรับรองการคุ้มครองทางสังคม/แรงงาน ระบบการออมเงินสำหรับแรงงานซึ่งขยายขอบเขตข้ามพรมแดน และเน้นสุขภาพและความปลอดภัยของแรงงานมากขึ้น
- ไทยควรออกแบบนโยบายคุ้มครองการย้ายถิ่นที่เข้มแข็งและใช้ได้จริง โดยร่วมมือกับภาคส่วนที่ เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาการหาประโยชน์จากนายหน้าและบริษัทจัดหางาน นายจ้างและเจ้าที่ของรัฐ ที่ไม่อยู่ภายใต้การจัดระเบียบใด ๆ
- ไทยควรรับประกันการคุ้มครองนักต่อสู้ปกป้องสิทธิที่ทำงานด้านประเด็นการหาประโยชน์จากแรงงาน ข้ามชาติและการค้ามนุษย์
- ไทยควรประกันการให้เลขประจำตัว การเป็นส่วนหนึ่งของสังคม การศึกษา การดูแลสุขภาพของบุตรแรงงานข้ามชาติและสนับสนุนการตั้งโรงเรียนในชุมชน
ข้อเสนอแนะด้านนโยบายป้องกันการค้ามนุษย์ของประเทศไทย
- ระบบการค้ามนุษย์ของไทยต้องรับรองนโยบายการคุ้มครองผู้เสียหายโดยสมัครใจและไม่ส่งผลเป็นการบังคับกักขังในบ้านพักสำหรับผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ รับรองว่าผู้เสียหายที่สมัครใจยินยอมทำงานที่เป็นธรรมและเชื่อถือได้ เพื่อที่ทำให้ครอบครัวของผู้เสียหายสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ หลังจากการคัดกรองเเละระบุตัวผู้เสียหายโดยไม่ชักช้า รับรองว่ามีการจ่ายค่าชดเชยสำหรับความทรมาน ความสูญเสียโดยพลันเหนือโดยเร็วที่สุด และมีการให้สวัสดิการทางสังคม เพื่อลดภาระทางสังคม
- นโยบายคุ้มครองเหยื่อ (การคุ้มครอง)ควรได้รับความสำคัญเทียบเท่ากับการบังคับใช้กฎหมาย (การฟ้องคดี) และการป้องกัน เพื่อให้ผู้เสียหายสมัครใจเข้าถึงสิทธิเเละกระบวนการฟ้องคดีผู้กระทำความผิด และให้ภาคประชาสังคมที่มีบทบาทสำคัญเช่น MWRN มีส่วนร่วมในในกระบวนการที่มักไม่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นมิตรต่อผู้เสียหาย
- การบังคับใช้กฎหมายคดีค้ามนุษยของไทยควรเป็นกระบวนการที่มีการจับกุมผู้ค้ามนุษย์รายใหญ่แทนที่การจับกุมนายหน้ารายย่อยระดับล่าง และมุ่งเน้นการจัดการเชิงระบบเพื่อปราบปรามการทุจริต การระบุและจัดการตัวการในระดับสูงที่ต้องรับผิดต่อปัญหาการค้ามนุษย์
ข้อเสนอแนะด้านอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทย
- เพิ่มการตรวจสอบเรือประมงด้านการละเมิดสิทธิ สวัสดิการ สิทธิแรงงานและการค้ามนุษย์และปรับปรุงการให้ช่วยเหลือเหยื่อ จัดให้มีล่ามแปลภาษาที่มีความสามารถและได้รับการอบรมเป็นอย่างดี
- ลงโทษเจ้าของเรือประมงหากมีการเข้าท่าล่าช้า หรือการละเมิดอย่างอื่นที่มีผลกระทบด้านลบต่อ แรงงาน ทั้งต้องมีการแก้ปัญหาที่แรงงานถูกขายต่อให้เรือลำอื่น
- รัฐบาลไทยต้องรับรองว่าจะมาตรการป้องกันผลกระทบด้านลบที่มาจากนโยบายห้ามบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลเเละบนเรือประมง ที่มีการบังคับใช้นโยบายโดยไม่มีการปรึกษาหารือภาคธุรกิจเเละภาคประชาสังคม
- ควรมีการพัฒนาและส่งเสริมการรับสมัครงานอย่างเป็นทางการในภาคการประมงโดยมีการจัดประชุมเชิงปฎิบัติการ การฝึกอบรม ศูนย์คุ้มครองสำหรับแรงงานเหล่านี้
- รัฐบาลไทยควรเน้นเรื่องการรับรองว่าแรงงานประมงได้รับค่าจ้างขั้นต่ำทุกเดือน และให้ผลประโยชน์อื่นๆ ภายในทุกๆ สามเดือน โดยไม่มีการหักเงินจากค่าจ้างต่างๆ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
- รัฐบาลไทยควรเน้นการรับรองการกำหนดชั่วโมงการทำงานของแรงงานประมงให้สมเหตุสมผล
- รัฐบาลไทยควรเน้นการรับรองว่าแรงงานประมงนั้นมีความปลอดภัยและมีความปลอกดภัยเเละอาชีวอนามัยในการทำงาน
ข้อเสนอแนะด้านอุตสาหกรรมสัตว์ปีกไทย
- รัฐบาลไทยควรรับรองว่ามีการตรวจสอบโรงงานสัตว์ปีกเพิ่มขึ้น ในด้านละเมิดสิทธิเเละสวัสดิการแรงงาน ความเสี่ยงด้านการการละเมิดการค้ามนุษย์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหักค่าจ้าง) อย่างเป็นระบบ รัฐต้องปรับปรุงการให้ความช่วยเหลือเหยื่อ โดยต้องมีล่ามแปลภาษาที่มีความสามารถและได้รับการอบรมเป็นอย่างดีระหว่างการตรวจแรงงานและการบังคับใช้กฎหมาย
- รัฐบาลไทยควรแก้ปัญหาการใช้ระบบรับสมัครงานในทางที่ผิดในภาคอุตสาหกรรมสัตว์ปีกที่ส่งผลเป็น