ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

ประเทศไทยจะให้สัตยาบันอนุสัญญาสากลห้ามอุ้มหาย        ครม. มีมติรับร่างพรบ.ป้องกันและปราบปรามทรมานและอุ้มหายส่งต่อสนช. ห้ามการทรมาน อุ้มหายโดยจนท.รัฐ มีความผิดอาญาแม้ในสถานการณ์ความไม่มั่นคง

ประเทศไทยจะให้สัตยาบันอนุสัญญาสากลห้ามอุ้มหาย         ครม. มีมติรับร่างพรบ.ป้องกันและปราบปรามทรมานและอุ้มหายส่งต่อสนช.  ห้ามการทรมาน อุ้มหายโดยจนท.รัฐ มีความผิดอาญาแม้ในสถานการณ์ความไม่มั่นคง

25 May 2016

1216

  ขอบคุณภาพ จาก http://www.khaosod.co.th/ " เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม  2559 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบพรบ. ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. ….  และ มีมติให้ประเทศไทยให้สัตยาบันอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคล ทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับขององค์การสหประชาชาติ  โดยร่างฉบับนี้ยังต้องมีกระบวนการผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ต่อไปก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมาย มูลนิธิผสานวัฒนธรรมขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่รวมทั้งผู้บริหารประจำกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพที่จัดให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิชาการและภาคประชาชนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2557 โดยได้ริเริ่มให้มีการร่างกฎหมายเฉพาะที่กำหนดให้ทั้งการทรมานและการอุ้มหาย เป็นความผิดทางอาญาที่มีบทลงโทษที่เหมาะสมต่อความร้ายแรงของการกระทำความผิด   โดยการทรมานและการบังคับให้สูญหายเป็นการกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคล อื่นที่ยุยง ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจโดยเจ้าหน้าที่รัฐ  ร่างพรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. …. ได้นำหลักการด้านสิทธิมนุษยชนสากลตามพันธกรณีที่ประเทศไทยพึงนำมาแก้ไขกฎหมายในประเทศให้สอดคล้องตามอนุสัญญาสำคัญสองฉบับคือ อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี   และอนุสัญญาคุ้มครองบุคคลไม่ให้ถูกบังคับให้สูญหาย ขององค์การสหประชาชาติ ร่าง พรบ.ฉบับนี้มีมาตรการสอดคล้องกับหลักสากลที่ทันสมัย เช่น ห้ามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์สงคราม สถานการณ์ฉุกเฉินและสถานการณ์ความไม่มั่นคง มีการกำหนดให้เป็นความผิดทางอาญาและมีบทลงโทษที่เหมาะสมกับความร้ายแรงของ การกระทำความผิดโทษตั้งแต่ 5ปี15 ปี ส่วนในกรณีผู้ถูกทรมานเสียชีวิต ต้องระวางโทษจำคุก 15-30 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต  โดยมีการกำหนดนิยามของความผิดทั้งสองสอดคล้องกับหลักการสากล  อีกทั้งมีบทบัญญัติเรื่องการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ยุยง ยินยอมหรือรู้เห็นในฐานะผู้บังคับบัญชาในข้อหาดังกล่าวต้องรับผิดร่วมด้วย ร่างพรบ.ฉบับนี้มีมาตรการป้องกัน การทรมานและอุ้มหายโดยเฉพาะกำหนดข้อปฏิบัติในการควบคุมตัวบุคคลในสถานที่ควบ คุมตัว ห้ามการควบคุมตัวลับ การจัดตั้งคณะกรรมการสืบสวนสวบสวนและรับเรื่องร้องเรียน ฯลฯ โดยมีความหวังว่าร่างพรบ.ฉบับนี้แม้จะยังไม่สมบูรณ์และอาจมีปัญหาในทาง ปฏิบัติเช่นขาดความเป็นอิสระที่แท้จริง  ความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการฯ  การมีส่วนร่วมของญาติและผู้เสียหาย  ช่องทางการช่วยเหลือญาติและเหยื่อรวมทั้งการเยียวยาด้านจิตใจ การคุ้มครองพยานเป็นต้น  มูลนิธิ ผสานวัฒนธรรมข้อเสนอแนะว่าให้ประเทศไทยเร่งพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้และ ดำเนินการให้การบังคับใช้กฎหมายสอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยลง นามหรือเป็นรัฐภาคี  และการแก้ไขปรับเปลี่ยน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากมีข้อให้คงไว้ซึ่งมาตรฐานสากลและไม่เปลี่ยนแปลง เนื้อหาต่างไปจากร่างเดิมในเนื้อหาสาระสำคัญ  รวมทั้งการให้ความรู้เรื่องกฎหมายฉบับนี้ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างต่อ เนื่องและให้ได้ประสิทธิผลในการป้องกันทรมานและอุ้มหายได้จริง การกำหนดการทรมานและการอุ้มหายเป็น ความผิดอาญาเป็นกรอบทางกฎหมายเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยยืนยันกับประชาคมระหว่างประเทศว่า “การทรมานและการบังคับให้สูญหายเป็นการกระทำที่ห้ามโดยเด็ดขาดและผิดกฎหมายอาญา” ไม่ ว่าสถานการณ์ใดใด และประเทศไทยก็จะต้องจัดให้มีแนวทางนำกฎหมายฉบับนี้มาบังคับใช้อย่างมี ประสิทธิภาพ จึงจะสะท้อนให้เห็นว่าบัดนี้ประเทศไทยจะเอาจริงเอาจังต่อการต่อต้านการทรมาน และการบังคับบุคคลให้สูญหายและดำเนินการให้มีการสอบสวนและคลี่คลายคดีที่ยัง หาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้  โดยร่างฉบับนี้ยังต้องมีกระบวนการผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป   ข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม 02-1015481-2

Recent posts