15 March 2016
1320
( ขอบคุณภาพข่าว จาก news.thaipbs.or.th ) 1 ) กลุ่มด้วยใจ 2 ) มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และ 3 ) เครือข่ายสิทธิมนุษยชนปัตตานี ขอ แถลงการณ์ร่วม กรณีเหตุการณ์การปฏิบัติการทางอาวุธในโรงพยาบาลเจาะไอร้อง อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ขอให้ทุกฝ่ายปกป้องต่อระบบสาธารณสุข จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเจาะไอร้องเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 นพ.โสภณ เมฆธนปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ได้กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าบุกเข้ามาไม่นานมาก และไม่ได้ทำร้ายร่างกายบุคลากรในโรงพยาบาล มีเพียงข้าวของเสียหาย มีคอมพิวเตอร์ โต๊ะ ประตู ซึ่งแพทย์พยาบาล บุคลากรทุกคนปลอดภัยดี รวมทั้งผู้มารับบริการก็ไม่ได้รับการบาดเจ็บโดยจะมีการส่งตัวแทนระดับสูงลง พื้นที่ไปตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อกระทรวงสาธารณสุขต่อไป เหตุการณ์ในโรงพยาบาลเจาะไอร้องครั้งนี้มีรายงานจากหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงว่าเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากเหตุการณ์โจมตี ฐานปฏิบัติการร้อย ทพ.4816 กรมทหารพรานที่ 48 หมู่ 2 ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งอยู่ติดกับโรงพยาบาลเจาะไอร้องก่อนที่เข้าไปในโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ทั้งนี้ขอแสดงความชื่นชมเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้ปฏิบัติการอย่างระมัดระวัง ไม่ได้โจมตีด้วยความรุนแรงโต้ตอบไป จนสามารถระงับเหตุไม่ให้การปะทะในโรงพยาบาลที่อาจส่งผลกระทบต่อบุคลากรทางการการแพทย์ ผู้ป่วย ญาติ และสาธารณชนโดยรวมในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในเหตุการณ์ครั้งนี้การที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข สถานพยาบาล และเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆถูกทำลายเนื่องมาจากปฏิบัติการทางอาวุธของ กลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกระทำที่รับไม่ได้ เพราะได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตของผู้ป่วยและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะทำ ให้พวกเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือและการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที อาจส่งผลโดยตรงต่อความเป็นความตายของผู้ป่วยและ ผู้บาดเจ็บที่กำลังรอรับการรักษาพยาบาล “การปฏิบัติการทางอาวุธโดยเจตนาที่มี ผลต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้ป่วย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ การทำลายสถานที่ที่ใช้ในการรักษาพยาบาล รวมไปถึงการทำลายรถที่เป็นพาหนะที่ช่วยลำเลียงผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บล้วนเป็น การกระทำที่ละเมิดต่อข้อตกลงในกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่รับ ไม่ได้ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายรัฐและกลุ่มติดอาวุธที่ไม่ใช่รัฐรวมทั้งภาคส่วนต่างๆ และประชาชน ที่ต้องให้ช่วยกันปกป้องให้การทำงานของฝ่ายสาธารณสุขได้รับผลกระทบน้อยที่ สุด กระทำการใดๆอันเป็นการขัดขวางหรือสร้างอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ สาธารณสุขถือเป็นเรื่องที่ไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง” อัญชนา หีมมิน๊ะห์ หัวหน้ากลุ่มด้วยใจ กล่าว ถึงแม้จังหวัดชายแดนใต้ไม่ได้ถูก ประกาศเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งด้วยอาวุธ จึงเป็นข้ออ้างในการไม่ปฏิบัติตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศนี้แต่ หลักการนี้เป็นการปกป้องประชาชนจึงควรถือเป็นพันธะสัญญาที่ทั้งสองฝ่าย คือกองกำลังของรัฐและกองกำลังที่ไม่ใช่รัฐยอมรับและใช้หลักการนี้ด้วย องค์กรสิทธิมนุษยชนที่มีพื้นที่ปฏิบัติงานในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการคุ้มครองทางกฎหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ จึงขอเรียกร้องดังนี้