ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

ขอเรียนเชิญ กิจกรรมเปิดตัวรายงานและเสวนา

ขอเรียนเชิญ กิจกรรมเปิดตัวรายงานและเสวนา

5 February 2016

982

ผู้เสียหายจากการทรมานมีทั่วโลก และในประเทศไทยก็มีผู้เสียหายจากการทรมานทั้งที่ได้มีการจดบันทึกและทั้งที่ ไม่มีการจดบันทึกข้อเท็จจริงไว้หลายราย ในปัจจุบันการทรมานในหลายประเทศยังไม่เป็นความผิดอาญา รวมทั้งในประเทศไทยด้วย โดยกฎหมายได้กำหนดแต่เพียงว่าถ้อยคำหรือพยานหลักฐานใดๆ ที่ได้มาจากการใช้กำลังบังคับขู่เข็ญให้ผู้ต้องสงสัยหรือผู้ต้องหา หรือสารภาพ ศาลจะไม่รับฟังเป็นพยานหลักฐานเท่านั้น อีกทั้งขณะนี้ประเทศไทยไม่มีมาตรการทั้งทางกฎหมายและทางปฏิบัติในการป้องกัน และยุติการทรมานที่มีประสิทธิภาพ  รวมทั้งไม่มีการฟื้นฟูเยียวยาทางด้านร่างกายและจิตใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการทรมาน นอกจากนี้ความเข้าใจเรื่องทรมานยังคงอยู่ในวงจำกัด แต่ยังไม่เป็นที่รับรู้ในกลุ่มประชาชนทั่วไป  ความเข้าใจในประเด็นนี้ย่อมจะทำให้ทั้งประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นความสำคัญถึงการต่อต้านการทรมาน และให้เกิดความตระหนักร่วมกันในการป้องกันและยุติการทรมานในประเทศไทยและใน พื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ สำหรับในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและองค์กรเครือข่ายได้รับข้อร้องเรียนจากผู้ที่เคยถูกจับกุมและควบคุมตัว ว่าถูกกระทำทรมาน หรือถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี หลายกรณีด้วยกัน  ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรมร่วมกับกลุ่มด้วยใจ องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนเพื่อเหยื่อการทรมานแห่งสหประชาชาติ (United Nations Fund for Victims of Torture) มาตั้งแต่ปี 2556 จึงได้เก็บรวบรวมข้อมูลและให้ความช่วยเหลือเหยื่อจากการทรมานฯ เบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดเสียหายทั้งทางกายและจิตใจ ฟื้นฟูและสนับสนุนให้กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเดิม ทั้งเพื่อเป็นข้อเสนอแนะต่อเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐ ให้ดำเนินการทั้งในทางนโยบาย กฎหมาย และการปฏิบัติ เพื่อป้องกันการทรมาน และการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี ทางมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และภาคีร่วม จึงได้จัดทำรายงานปี 2558-2559 เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีเข้าใจถึงปัญหาของการกระทำทรมานฯ  ผลกระทบที่เกิดจากการกระทำทรมานฯ และการแสวงหาความร่วมมือในการป้องกันการทรมานฯ โดยจัดกิจกรรมเปิดตัวรายงานและเสวนาในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 13:00-16:00 น ณ ห้องเชคดาวุด ตึกวิทยาลัยอิสลาม (ตึกวอส.เก่า) คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต ปัตตานีในการนี้จึงขอเรียนเชิญร่วมงานและรายงานข่าวกิจกรรมดังกล่าว     โครงการการสร้างการตระหนักรู้การป้องกันการทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม  ในจังหวัดชายแดนใต้ โดย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม / เครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี/ กลุ่มด้วยใจ วันที่ 10 กุมภาพันธ์2559 เวลา 13.00-16.30 น. หลักการและเหตุผล หากมองว่าสถานการณ์ความรุนแรงระลอกใหม่ในปัจจุบัน มีจุดเริ่มต้นจากเหตุการณ์ปล้นปืน ค่ายปิเหล็ง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 จนถึงปัจจุบัน เวลาได้ก็ล่วงเลยมากว่า 11 ปีแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าความรุนแรงในพื้นที่ดังกล่าวจะลดลงในระยะเวลาอันใกล้นี้แต่อย่างใด จากรายงานของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้พบว่ามีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปี 2557 จำนวน 14,688 ครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นถึง 6,286 ราย เฉลี่ยแล้วมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงปีละ  571 รายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 11,366 ราย เฉลี่ยปีละ 1,033 ราย จากความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้รัฐบาลไทยพยายามดำเนินมาตรการต่างๆรวมทั้งการใช้และการออกกฎหมายพิเศษหลายฉบับ คือ การประกาศใช้มาตรการในการตรวจค้น ห้าม ยึด  จับกุม กักตัวหรือควบคุมตัวบุคคล โดยไม่ต้องมีหมายของศาล ตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 (กฎอัยการศึก)  การตราพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยในกรณีที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่สามารถปิดล้อม ตรวจค้น จับกุมและกักตัวผู้ต้องสงสัยโดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกไว้ในค่ายทหารได้เป็นเวลาไม่เกิน 7 วัน และควบคุมตัวในสถานที่พิเศษ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้อีกไม่เกิน 7 วัน และขยายการควบคุมตัวได้คราวละไม่เกิน 7 วัน รวมทั้งหมดไม่เกิน 30 วันโดยได้รับอนุญาตจากศาล  ทั้งนี้โดยไม่ต้องมีข้อกล่าวหาว่าได้กระทำผิดอาญาแต่อย่างใด แม้จะยอมรับกันในทางกฎหมายว่า บุคคลที่ถูกจับกุมและควบคุมตัวตามกฎหมายพิเศษ เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยไม่ใช่ผู้กระทำความผิดหรือผู้ต้องหาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แต่สิทธิของบุคคลเหล่านั้นกลับถูกจำกัดเสียยิ่งกว่าผู้ต้องหาในคดีอาญาเสียอีก กล่าวคือ ไม่สามารถพบญาติหรือทนายความได้ ไม่มีการประกันตัวหรือปล่อยตัวชั่วคราว ถูกจำกัดเวลาในการเยี่ยม บางกรณีมีการปกปิด หรือย้ายสถานที่ควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่เพื่อไม่ให้ญาติทราบ บุคคลที่ถูกจับกุมหรือควบคุมตัวตามกฎหมายพิเศษ จะต้องเข้าสู่กรรมวิธีในการซักถามข้อมูลโดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระบวนการซักถามดังกล่าวเป็นการแสวงหาข้อมูลเอาจากตัวผู้ต้องสงสัยเองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อความไม่สงบหรือกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือไม่ อันเป็นวิธีการรวบรวมพยานหลักฐานที่นอกเหนือไปจากประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่โดยอ้างการใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษ ทั้งกฎอัยการศึกและ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังกล่าวที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้เป็นเวลา 37  วัน ในสถานที่พิเศษ โดยกำหนดข้อห้ามและสร้างอุปสรรค ทำให้ขาดการตรวจตราองค์กรภายในและขาดตรวจสอบจากองค์กรภายนอกที่เป็นอิสระรวมทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ    มีการสั่งห้ามไม่ให้กรณีกลุ่มองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ และทนายความโดยอิสระเยี่ยมผู้ถูกควบคุมตัวหากต้องการเยี่ยมต้องทำหนังสือถึงแม่ทัพฯซึ่งอาจไม่ทันการและไม่มีประสิทธิภาพ   เหล่านี้เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ผู้ถูกจับกุม กัก หรือควบคุมตัว ถูกทรมานฯโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบางคนหรือโดยการรู้เห็นเป็นใจของเจ้าหน้าที่ ผู้บังคับบัญชาบางคนและหน่วยงานของรัฐบางแห่ง จนเกิดเป็นข้อร้องเรียนจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบสืบสวนสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง มูลนิธิผสานวัฒนธรรมและองค์กรเครือข่าย ได้รับข้อร้องเรียนจากผู้ที่เคยถูกจับกุมและควบคุมตัว ว่าถูกกระทำทรมาน หรือถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี หลายกรณีด้วยกัน  ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิผสานวัฒนธรรมร่วมกับกลุ่มด้วยใจ องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี ภายใต้การสนับสนุนของกองทุนเพื่อเหยื่อการทรมานแห่งสหประชาชาติ (United Nations Fund for Victims of Torture)   จึงได้เก็บรวบรวมข้อมูล และให้ความช่วยเหลือเหยื่อจากการทรมานฯ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดเสียหายทั้งทางกายและจิตใจ ฟื้นฟูและสนับสนุนให้กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเดิม และได้ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายเพื่อให้บุคคลเหล่านั้นสามารถเข้าถึงความยุติธรรมและการเยียวยาจากรัฐ และเพื่อเสนอแนะต่อเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐ ให้ดำเนินการทั้งในทางนโยบาย กฎหมาย และการปฏิบัติ เพื่อป้องกันและขจัดการทรมาน และการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี ซึ่งยังดำรงอยู่อย่างกว้างขวางในจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือหยุดยั้งการกระทำทรมานได้  ดังนั้นทางมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และภาคีร่วม จึงได้จัดทำรายงานเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีเข้าใจถึงปัญหาของการระทำทรมานฯ  ผลกระทบที่เกิดจากการกระทำทรมานฯ และการแสวงหาความร่วมมือในการหยุดยั้งการกระทำทรมานฯ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 13:00-16:00 นณ ห้องศรีวังสา คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต ปัตตานี วัตถุประสงค์หลัก
  1. เพื่อให้ประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง และ สื่อมวลชน ทราบถึงสถานการณ์การทรมานและปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ในจังหวัดชายแดนใต้
  2. เพื่อแสวงหาหนทางร่วมในการป้องกันการกระทำทรมาน และปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ในจังหวัดชายแดนใต้
กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 100 คนประกอบด้วย
  1. เจ้าหน้าที่รัฐ อาทิเช่น ตำรวจ อัยการ ทหาร
  2. องค์กรพัฒนาเอกชน
  3. ประชาชน สื่อมวลชน
รูปแบบกิจกรรมเป็นการนำเสนอรายงานรายงานสถานการณ์การทรมานและการปฏิบัติที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือย่ำยีศักดิ์ศรี ในจังหวัดชายแดนใต้ปี 2557-2558 และการเสวนาแนวทางการป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการกระทำทรมาน ผลลัพธ์โครงการ
  1. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง องค์กรพัฒนาเอกชน ประชาชน และ สื่อมวลชน ได้รับรู้ถึงสถานการณ์การกระทำทรมานฯในจังหวัดชายแดนใต้ ในห้วงปี 2557-2558
  2. แนวทางการป้องกันหรือระงับยับยั้งการกระทำทรมานฯอย่างเป็นรูปธรรม
  ขอเชิญ ร่วมงาน เปิดตัวรายงานและการสร้างการตระหนักรู้การป้องกันการทรมาน และการปฏิบัติที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ในจังหวัดชายแดนใต้ โดย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม  /องค์กรเครือข่ายส่งเสริมสิทธิมนุษยชนปาตานี/กลุ่มด้วยใจ วันที่ 10 กุมภาพันธ์  2559 เวลา 13.00-16.30 น. ห้องเช็คดาวุด อัลฟาตอนี ตึกวิทยาลัยอิสลาม (ตึกวอส. เก่า) มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี 12.30                     ลงทะเบียน รับเอกสารประกอบโครงการ 13.00                     กล่าวเปิด 13.15-13.30             Key Note Speech โดยผศ.ชิดชนก ราฮิมมูลา คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มอ. ป้ตตานี 13.30-13.45            นำเสนอหลักการและวัตถุประสงค์ของโครงการฯ โดย พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ  ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม 13.45-14.30            นำเสนอข้อค้นพบในรายงานการทรมานและการปฏิบัติอย่างไร้ มนุษยธรรมย่ำยีศักดิ์ศรี ในจังหวัดชายแดนใต้ ประจำปี 2558
  • อัญชนา หีมมีน๊ะห์ กลุ่มด้วยใจ
  • อิสมาแอ เตะ ประธาน HAP
  • อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม จังหวัดยะลา
14.30-15.00            ตอบข้อซักถาม 15.00-16.00            หลายหลายมุมมองต่อการป้องกันและยับยั้งการทรมานในจชต
  • ตัวแทนผู้เสียหาย • คณะกรรมการสิทธิมนุษยยชนแห่งชาติ
  • หน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรม สาธารณสุข ด้านความมั่นคง
16.00-16.30             ถามตอบ และข้อสรุปจากเวที                            

Recent posts