กำหนดนัดพิจารณาคดีของศูนย์ทนายฯ จำนวน 4 คดี
31 August 2015
929
เดือนกันยายน 2558 คดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มีกำหนดนัดพิจารณาคดีจำนวน 4 คดี ดังต่อไปนี้
- คดี สิรภพ กรณ์อรุษ ข้อหาฝ่าฝืนไม่มารายงานตัวกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ศาลทหารกรุงเทพ (คดีดำหมายเลขที่ 40 ก./2557)
นัดสืบพยานโจทก์ลำดับที่ 2 คือ พันโท ชัยยงค์ วงษ์สวรรค์ เจ้าหน้าที่ทหารผู้ทำการจับกุม วันที่ 7 กันยายน 2558 เวลา 8.30 น. ณ ศาลทหารกรุงเทพ
สิรภพ กรณ์อรุษ เป็นนักเขียนกวีออนไลน์ นามปากกาว่า รุ่งศิลา เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2557 คสช. ได้ออกคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 44/2557 ให้สิรภพ มารายงานตัว แต่สิรภพไม่ได้รายงานตามระยะเวลาที่กำหนด จึงถูกจับและถูกควบคุมตัวที่มณฑลทหารบกที่ 1 ตามกฎอัยการศึก ก่อนถูกส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีนี้ พร้อมกับคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 โดยคดีนี้อัยการทหารได้ยื่นฟ้องต่อศาลในวันที่ 15 สิงหาคม 2557
- คดี ชาญวิทย์ (สงวนนามสกุล) ข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือมาตรา 112 ศาลจังหวัดนนทบุรี (คดีหมายเลขดำที่ 517/2551)
นัดสอบคำให้การจำเลย วันที่ 16 กันยายน 2558 เวลา 9.00 น. ณ ศาลจังหวัดนนทบุรี
ชาญวิทย์ เป็นหนึ่งในจำเลยคดีปาระเบิดศาลอาญา เมื่อวัน 7 มีนาคม 2558 โดยชาญวิทย์ถูกเจ้าหน้าที่ทหารถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ทหาร เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2558 โดยคดีหมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นคดีเดิมที่ชาญวิทย์ถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2551 และได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ภายหลังจากการถูกจับกุมในคดีปาระเบิดศาลอาญาได้มีส่งตัวชาญวิทย์ไปดำเนินคดีดังกล่าว
- คดี สมบัติ บุญงามอนงค์ ข้อหาฝ่าฝืนรายงานตัวต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ศาลแขวงดุสิต (คดีหมายเลขดำที่ 1515/2557)
นัดฟังคำพิพากษา วันที่ 21 กันยายน 2558 เวลา 8.30 น. ณ ศาลแขวงดุสิต
สมบัติ บุญงามอนงค์หรือ บก.ลายจุด เป็นนักกิจกรรมทางสังคม ทำกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหาร ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2557 คสช. ได้ออกคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 3/2557 ให้สมบัติไปรายงานตัว แต่สมบัติไม่ได้ไปรายงานตามระยะเวลาที่กำหนด โดยโพสต์เฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ ไม่ยอมรับอำนาจรัฐประหาร และชักชวนให้บุคคลมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อต่อต้านรัฐประหาร และถูกจับและถูกควบคุมตัวตามกฎอัยการศึก แล้วถูกส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีนี้ พร้อมๆกับ คดีความผิดข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งไปไปรายงานตัว
โดยอัยการได้ยื่นฟ้องคดีเป็นคดีอาญาต่อศาลแขวงดุสิต ในวันที่ 10 กรกฎาคม2557 ข้อหาฝ่าฝืนไม่มารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 ข้อหาขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ. 1515/2557 ศาลแขวงดุสิต จำเลยให้การปฏิเสธ และได้ดำเนินการสืบพยานทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นในวันที่ 19 มิถุนายน 2558
- คดี บัณฑิต อานียา ข้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชชินี รัชทายาทหรือมาตรา 112 ศาลทหารกรุงเทพ (คดีดำหมายเลข 45 ก./2558)
นัดสอบสืบพยานโจทก์ คือ เจ้าหน้าที่รัฐผู้ดำเนินการจับกุม วันที่ 23 กันยายน 2558 เวลา 8.30 น. ศาลทหารกรุงเทพ
โดยคดีนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2557 นายจือเซ็งได้นำหนังสือไปขายที่งานประชุมพรรคการเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการระดมความเห็นเพื่อไปทำเป็นข้อเสนอเสนอต่อสภาปฏิรูปประเทศ โดยเมื่อมีหัวข้อเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ นายจือเซ็งจึงได้แสดงความคิดเห็น แต่ระหว่างแสดงความคิดเห็นกลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบควบคุมตัวมาที่สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร และถูกนำตัวมาฝากขังที่ศาลทหารในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 แต่ศาลทหารอนุญาตให้ประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์ 400,000 บาท และเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 อัยการศาลทหารได้ยื่นฟ้องนายจือเซ็งต่อศาลทหารกรุงเทพฯ เป็นคดีหมายเลขดำที่45ก./2558
ทั้งนี้ นายจือเซ็ง เคยถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 มาแล้วเมื่อปี จากกรณีที่ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ขณะนั้น) แจ้งความว่าพูดแลกเปลี่ยนในงานเสวนาและขายเอกสารที่จัดทำขึ้นเองซึ่งเข้าข่ายหมิ่นฯ ซึ่งเมื่อวันที่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2557 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาว่าให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งพิพากษาจำคุก 4 ปี รอลงอาญา 3 ปี และรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติเป็นเวลา 2 ปี โดยปัจจุบัน ยังอยู่ในระหว่างรอลงอาญา
-----------------------------------------------
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
Thai Lawyers for Human Rights
โทร/Tel (+66) (0) 96-789-3172, 096-789-3173
e-mail:
tlhr2014@gmail.com