14 August 2015
980
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย 51/119 หมู่ 9 ม.พฤกษา 17 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12150 โทร.081-920-5066 ที่ สพท.๐๑๔/๒๕๕๘ วันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๘ เรื่อง ร้องเรียนสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติมีพฤติการณ์หรือการกระทำที่ขัดต่อข้อบังคับว่า ด้วยประมวลจริยธรรมฯและอื่นๆ เรียน ฯพณฯ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณชนผ่านสื่อสารมวลชนเป็นการทั่วไปว่าได้มีสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติบางท่าน อาทิ นายวันชัย สอนศิริ ได้ออกมาให้ข่าวต่อสาธารณชนผ่านสื่อสารมวลชนเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๘ เป็นต้นมาหลายกรรม หลายวาระ ความสรุปได้ว่า... “...สปช.จะไม่ยอมให้รัฐธรรมนูญมีตำหนิ ก็น่าจะประกาศคว่ำรัฐธรรมนูญ ซึ่งเท่าที่ได้แลกเปลี่ยนความเห็นกับสมาชิก สปช.ทั้งส่วนกลางและจังหวัด ทุกคนเห็นตรงกันว่า ร่างรัฐธรรมนูญนี้กลัดกระดุมผิดตั้งแต่ต้นจึงมีรอยตำหนิให้เห็น หาความพอดีไม่ได้ กระบวนการควรเริ่มขึ้นใหม่คือการประสานกัน ดังนั้นการตัดเสื้อผ้าใหม่น่าจะดีกว่าการมาปะชุน จึงเชื่อว่าจะมีการคว่ำรัฐธรรมนูญ…” (ปรากฏตามเอกสารแนบ...๑...) การแสดงออกต่อสาธารณชนเช่นนั้น เป็นการขัดหรือแย้งต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติโดยชัดแจ้ง อีกทั้งนายวันชัย สอนศิริ มีตำแหน่งหน้าที่เป็นถึงเลขานุการวิป สปช. ย่อมที่จะมีวุฒิภาวะในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อมวลสมาชิกและประชาชนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา ๓๑ ประกอบมาตรา ๒๗ ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.๒๕๕๗ บัญญัติไว้ หาใช่แสดงออกในทางขัดขวางหรือลบล้างการจัดทำรัฐธรรมนูญดังกล่าว ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ๒๕๕๗ มาตรา ๓๑ บัญญัติให้สภาปฏิรูปแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ “(๑) ศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำ แนวทางและข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ตามมาตรา ๒๗ เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี คณะรักษาความสงบแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (๒) เสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ (๓) พิจารณาและให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจัดทำขึ้น ในการดำเนินการตาม (๑) หากเห็นว่ากรณีใดจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัติหรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญขึ้นใช้บังคับ ให้สภาปฏิรูปแห่งชาติจัดทำร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาต่อไป ในกรณีที่เป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ให้จัดทำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการต่อไป ให้สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะตาม (๒) ต่อคณะกรรมาธิการยกร่าง รัฐธรรมนูญภายในหกสิบวันนับแต่วันที่มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติครั้งแรก ให้นำความในมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๘ มาใช้บังคับแก่การปฏิบัติหน้าที่ของสภาปฏิรูปแห่งชาติด้วยโดยอนุโลม” ตาม บทบัญญัติข้างต้นจะเห็นโดยชัดแจ้งว่าสภาปฏิรูปแห่งชาติ มีหน้าที่ด้วยประการใด ๆ ตามอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ข้างต้นซึ่งควรที่จะต้องผลักดันให้มีการจัดทำ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาตาม ที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวบัญญัติ แต่ทว่าการที่นายวันชัย สอนศิริ ออกมาให้ข่าวต่อสาธารณชนผ่านสื่อสารมวลชนข้างต้น ชี้ให้เห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าวว่าเป็นการ จงใจ หรือเจตนา ที่จะกระทำการอันเป็นการทำลายกระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวโดยสิ้นเชิง อันเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.๒๕๕๗ มาตราดังกล่าวประกอบเป็นการขัดหรือแย้งต่อข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. ๒๕๕๓ (ซึ่งสภาปฏิรูปแห่งชาติได้ใช้ข้อบังคับดังกล่าวโดยอนุโลม) โดยชัดแจ้งหลายข้อ อาทิ... ข้อ ๖ สมาชิกและกรรมาธิการจักต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรโดยเคร่งครัด ข้อ ๗ สมาชิกและกรรมาธิการจักต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต และเสียสละ โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสิ่งสูงสุด ข้อ ๙ สมาชิกและกรรมาธิการจักต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการกล้ายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นธรรม ยึดมั่นหลักการในการปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากอคติใด ๆ ข้อ ๒๓ สมาชิกและกรรมาธิการจักต้องให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนอย่างครบถ้วน ถูกต้อง โดยไม่บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ผู้อื่นหรือประชาชนเข้าใจผิด หรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือบุคคลอื่นใด ข้อ ๒๔ สมาชิกและกรรมาธิการจักต้องไม่ร่วมมือกับบุคคลหรือองค์กรใด ๆ กระทำการหรือแสวงหาผลประโยชน์ที่ขัดต่อความรับผิดชอบและการปฏิบัติราชการ ฯลฯ แม้การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยคณะกรรมาธิการยกร่างได้ดำเนินการยกร่างแล้วนั้น อาจจะมิได้เป็นไปตามแนวทางความคิดเห็นส่วนตัวของสมาชิกแต่ละท่าน แต่ทว่าก็มิได้ตัดสิทธิในทางที่สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ จะเสนอ ความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ในการ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้สำเร็จตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งหรือ มี สปช. การออกมาให้ข่าวต่อสาธารณชนผ่านสื่อสารมวลชนดังกล่าวชี้ขัดว่า นายวันชัย สอนศิริ มิได้ทำหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญ(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.๒๕๕๗ บัญญัติไว้ หากแต่มีพฤติการณ์อันเชื่อได้ว่าเพื่อสร้างกระแส เพื่อหวังผลให้ตนเองและผู้อื่นได้ประโยชน์ อาทิ ถูกนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้เข้าไปทำหน้าที่สมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศอีกครั้ง ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.๒๕๕๗ (แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๑) พ.ศ.๒๕๕๘ บัญญัติไว้ในมาตรา ๓๙/๒ ดังจะเห็นได้จากให้ข่าวต่อสาธารณชนผ่านสื่อสารมวลชนของนายวันชัย สอนศิริ ในคราวเดียวกันว่า... “...ถ้าเกิดการคว่ำจริง ก็เป็นผลพลอยได้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลได้รับผลพวงให้อยู่ในอำนาจต่อ ส่วนตัวเชื่อว่า กมธ.ยกร่างฯ แก้ไม่ได้ตามความพอใจของทุกคน ถ้าให้รัฐธรรมนูญผ่านนำไปสู่ประชามติเตรียมเข้าสู่การเลือกตั้ง บ้านเมืองก็จะเหมือนเดิม วังวนความเลวร้ายยังขจัดไม่ได้ การให้เกิดความปรองดองเรื่องระยะเวลาจึงมีส่วนสำคัญและการปฏิรูปก็ยังไปไม่ถึงไหน จึงยังไม่ควรเลือกตั้งแล้วให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เตรียมกลับบ้าน ข้าราชการก็จะเกียร์ว่าง ทำอะไรยากขึ้น แต่ถ้า สปช.คว่ำ รธน.เพราะมีตำหนิก็เป็นผลพวงให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิรูปและสลายสีให้จางลงได้...” (เอกสารแนบ...๑...อ้างแล้ว) ล่าสุดมีการเปิดเผยของสมาชิกสภาปฏิรูปบางท่านให้ข่าวต่อสาธารณชนผ่านสื่อสารมวลชนว่ามีสมาชิกสภาปฏิรูปหลายคน ทำตัวเป็นแกนนำล่ารายชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติเพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่คณะกรรมาธิการยกร่างได้จัดทำขึ้น โดยอ้างว่าหากร่วมกันคว่ำร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวแล้ว จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “สมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ” ต่อไปได้อีก กรณีดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่ามีพฤติการณ์การกระทำโดยแบ่งงานกันทำอย่างเป็นกระบวนการ โดยมีเป้าหมายเพื่อล้มล้างหรือทำลายความชอบธรรมของร่างรัฐธรรมนูญ ตามโรดแม็ปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)โดยชัดแจ้ง อีกทั้งหากในอนาคตอันใกล้บุคคลต่าง ๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ แล้วถูกเสนอชื่อให้เป็น “สมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ” ก็จะเป็นที่ชัดเจนว่าการดำเนินการครั้งนี้เข้าข่ายมีผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างกันขึ้นมาทันที อันเข้าข่ายกระทำการหรือแสวงหาผลประโยชน์ร่วมกันที่ขัดต่อความรับผิดชอบและการปฏิบัติราชการ ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมข้างต้น ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงใคร่ขอกราบเรียนมายัง ฯพณฯ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมสภา ปฏิรูปแห่งชาติ ได้โปรดใช้อำนาจสั่งการ หรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามอำนาจหน้าที่ในการตั้งกรรมการสอบจริยธรรมนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และหรือสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติอื่นที่เกี่ยวข้องที่ออกมาสนับสนุนการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมฯ และได้โปรดพิจารณาลงโทษสมาชิกดังกล่าวขั้นสูงสุด เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อสาธารณชนสืบไป อนึ่ง หากปรากฏและพบว่าสมาชิกสภาปฏิรูปกฎหมายท่านใดได้ลงมติหรือแสดงออกหรือกระทำ การคว่ำหรือไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่คณะกรรมาธิการฯยกร่างนั้น แล้ว ขอให้ท่านสั่งการหรือดำเนินการทางกฎหมายให้มีการเรียกคือเงินเดือนและค่าตอบ แทนต่าง ๆ ทั้งหมดที่สมาชิก สปช. ท่านนั้น ๆ ได้รับไปในฐาน “ลาภมิควรได้” ด้วย ทั้งนี้ขอความกรุณาได้ตรวจสอบ สั่งการ และดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยพลัน และหากท่านดำเนินการเป็นเช่นใดแล้วกรุณาแจ้งให้ผู้ร้องทราบตามที่อยู่ข้างต้น ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.๒๕๓๙ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.๒๕๔๐ ประกอบพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.๒๕๔๖ ต่อไปด้วยจักขอบคุณยิ่ง ขอแสดงความนับถือ นายศรีสุวรรณ จรรยา (นายศรีสุวรรณ จรรยา) อุปนายกและเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ปฏิบัติหน้าที่นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย/ผู้ร้อง