11 May 2015
1189
ชื่อชุมชนที่ได้รับผลกระทบ: บ้านคลิตี้ล่าง ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี โดย คณะทำงานติดตามการฟื้นฟูสายน้ำและชุมชนคลิตี้ ภาคประชาสังคม 14 มกราคม 2556 สืบ เนื่องจากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556 กรณีสารพิษตะกั่วปนเปื้อนในลำห้วยคลิตี้ ระหว่างชาวบ้านคลิตี้ล่าง จำนวน 22 คน ผู้ฟ้องคดี กับกรมควบคุมมลพิษ ผู้ถูกฟ้องคดี ได้ชี้ว่ากรมควบคุมมลพิษผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดและ ปฎิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าจนเกินสมควร จากกรณีที่บริษัทตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) ผู้ก่อมลพิษได้ก่อให้เกิดการปนเปื้อนสารตะกั่วในน้ำดินตะกอนดินพืชและสัตว์ น้ำ โดยกรมควบคุมมลพิษไม่ได้ดำเนินการจัดทำแผนหรือกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันหรือ แก้ไขอันตรายจากมลพิษไว้ล่วงหน้า และไม่ทำการควบคุมตรวจสอบการดำเนินการแก้ไขปัญหาของบริษัทตามเวลาอันสมควรจน ทำให้ชุมชนได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนสารตะกั่วในลำห้วยคลิตี้และไม่สามารถ ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติได้ ซึ่งนอกจากศาลจะกำหนดให้ชดใช้ค่าเสียหายให้ชาวบ้าน 22 ราย รวม 3.89 ล้านบาท แล้วศาลยังมีคำบังคับให้กรมควบคุมมลพิษกำหนดแผนงานวิธีการและดำเนินการ ฟื้นฟู ตรวจวิเคราะห์คุณภาพสิ่งแวดล้อมทุกฤดูกาลจนกว่าจะพบว่าค่าสารตะกั่วในน้ำดิน พืชผัก และสัตว์น้ำในลำห้วยคลิตี้ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี นั้น ทาง ภาคประชาสังคม ซึ่งทำงานติดตามกรณีปัญหาดังกล่าว ได้มีการประชุมและจัดตั้ง คณะทำงานติดตามการฟื้นฟูสายน้ำและชุมชนคลิตี้ โดยมีมติแถลงการณ์เรียกร้องต่อกรมควบคุมมลพิษ ดังนี้
1.คณะทำงานฯ คัด ค้านท่าทีและความเห็นของกรมควบคุมมลพิษหลังศาลตัดสินที่ยืนยันจะใช้แนวทาง ให้ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเอง ในการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั่วในลำห้วยคลิตี้ ซึ่งหมายถึงการไม่ดำเนินการฟื้นฟูใดๆ และได้พิสูจน์เป็นที่ประจักษ์จากระยะเวลาการใช้วีธีดังกล่าวนับสิบปีแล้วว่า แนวทาง ให้ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเอง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั่วที่มีผลกระทบต่อชุมชนได้จนถึง ปัจจุบัน มาตรการดังกล่าวไม่ถูกต้อง และไม่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นกรมควบคุมมลพิษจึงต้องเปลี่ยนวิธีการฟื้นฟูลำห้วยคลิตี้ เพื่อให้ปริมาณการปนเปื้อนสารตะกั่วในอาหารและสิ่งแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์ มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนคลิตี้โดยเร็ว