25 December 2013
1179
ดร.กมล กมลตระกูล ระบอบทุนสามานย์คือระบอบที่มีหลักคิดว่า ผลประโยชน์ส่วนตัวและผลกำไรของบริษัทมีความสำคัญมากกว่าผลประโยชน์และความอยู่ดีมีสุขของสังคมและสิ่งแวดล้อม จากหลักคิดนี้จึงนำไปสู่นโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจแปรรูประบบการศึกษาโดยการนำมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลออกนอกระบบการแปรรูประบบคมนาคมสนามบินและการพลังงานแห่งชาติซึ่งเป็นต้นตอของต้นทุนของสายโซ่การผลิตต้นน้ำมีราคาสูงรัฐขาดรายได้ที่จะนำมาจัดระบบสวัสดิการและลดค่าครองชีพให้ประชาชนประชาชนรากหญ้าและชนชั้นกลางจึงเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าในทุกประเทศเกิดการผูกขาดในระบบเศรษฐกิจเกิดการถือครองที่ดินกระจุกตัวในหมู่คนกลุ่มน้อยสังคมมีลักษณะรวยกระจุกจนกระจายฯลฯหลักคิดนี้ได้ครอบโลกมากว่า 3 ทศวรรษโดยมีองค์กรครอบโลกอันได้แก่องค์การค้าโลก(WTO) องค์การเงินโลก(IMF) และฉันทามติวอชิงตัน(Washington Consensus) เป็นพลังบีบและขับเคลื่อนให้ทุกประเทศยอมรับกติกาและนโยบายของระบอบนี้ กติกาและนโยบายของระบอบทุนสามานย์เบิกทางให้กลุ่มทุนข้ามชาติและบริษัทข้ามชาติร่วมกับทุนผูกขาดในแต่ละชาติดูดซับเอาความมั่งคั่งจากทรัพยากรและแรงงานของแต่ละชาติไปรวมศูนย์กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มคนร้อยละ 1 ของสังคมและสร้างความยากจนกระจายไปทั่วทั้งสังคมก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งอาชญากรรมยาเสพย์ติดและการค้ามนุษย์ ระบอบทุนสามานย์ในประเทศไทยเป็นบริวารของระบอบทุนสามานย์โลกโดยมีระบบการเมืองที่นักการเมือง ข้าราชการและนักวิชาการนำหลักคิดของระบอบทุนสามานย์นี้มาเป็นธงในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจสังคมการศึกษาและการเมืองที่สร้างปัญหาสร้างความขัดแย้งสร้างความแร้นแค้นให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วนของสังคมและอาจจะนำไปสู่การเผชิญหน้าและสงครามกลางเมือง แนวทางการแก้ไขและปฏิรูปการเมืองของประเทศต้องจึงต้องเริ่มต้นที่การแก้ไขปัญหาทางการเมือง ซึ่งมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการกำหนดกระบวนการทางการเมืองระบบการเมืองรูปแบบการเมืองและรูปแบบการปกครองเพื่อแก้ไขปัญหาด้านอื่นๆคือด้านเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นผลพวงของปัญหาทางการเมือง ดังนั้นการแก้ปัญหาหรือการปฏิรูปทางการเมืองจึงต้องเริ่มต้นที่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนกำหนดให้กระบวนการประชาธิปไตยเป็นการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีรายกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้กำกับการตำรวจทางตรง อันเป็นการทวงคืนอำนาจกลับมาอยู่ในมือของประชาชนในการเลือกผู้บริหารประเทศ คือเลือกผู้บริหารสูงสุดของประเทศและคณะรัฐมนตรีด้วยตนเองระบบใหม่นี้เป็นการทำลายระบบพรรคพวกบริวาร (Cronyism) ที่กัดกินบ่อนทำลายสังคมไทยมาเป็นเวลายาวนานกระบวนการที่จะเกิดขึ้นได้คือ การร่วมรณรงค์นำเสนอให้ประชาชนทั้งประเทศลงประชามติให้กลายเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอย่างแท้จริงตามแนวทางที่นำเสนอนี้ เพราะว่าการปฏิรูปภายใต้โครงสร้างเดิมโดยรัฐสภาหรือ กลุ่มที่กุมอำนาจทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจเดิมนั้นไม่อาจเกิดขึ้นหรือเป็นไปได้เปรียบเสมือนอ้อยเข้าปากช้างแล้ว ย่อมยากที่ช้างจะยอมคายออก จึงขอนำเสนอ “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับรัฐสวัสดิการเพื่อปฏิรูปประเทศ” เพื่อตอบโจทย์และนำพาประเทศให้พ้นไปจากการเผชิญหน้าที่จะนำไปสู่ความรุนแรงและสงครามกลางเมืองอย่างที่เกิดขึ้นในหลายๆประเทศในตะวันออกกลาง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้นำเสนอเป็นตุ๊กตาเพื่อให้เห็นวิธีการที่มีทางออกด้วยการปฏิรูปจากภาคประชาชนโดยการลงประชามติรัฐธรรมนูญรัฐสวัสดิการฉบับประชาชนเป็นผู้ร่าง ซึ่งต่างจากรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่ร่างด้วยหลักคิดของระบอบทุนสามานย์โดยองค์กรหรือคณะบุคคลของโครงสร้างเก่า ในระบบเก่าซึ่งได้รับการพิสูจน์มาแล้วเป็นเวลา 80 ปีว่าวิธีการเลือกและจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายบริหารทางอ้อมเป็นต้นตอทำให้ระบอบประชาธิปไตยกลายเป็นระบอบธุรกิจการเมือง(Private interest led politics ตรงกันข้ามกับ Public interest led politics) กลายพันธ์เป็นระบอบประชาธิปไตยสามานย์ระบบการเมืองกลายเป็นระบบพวกพ้องบริวาร (Cronyism) กลายเป็นบุฟเฟ่แคบิเนทที่นักการเมืองเข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดิน จากการแจกจ่ายสัมปทานให้บริษัทในเครือของครอบครัวพวกพ้องหรือเพื่อรับเงินใต้โต๊ะ(Kick back) โดยที่งบประมาณและทรัพยากรของแผ่นดินกลายเป็นก้อนเนื้อก้อนใหญ่ที่นักการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นกระโดดเข้ามาแบ่งสรรกันกินรวบ รับเช่าช่วงรับสัมปทานไปหากินเข้ากระเป๋าตนเอง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากรัฐธรรมนูญของประเทศเวเนซูเอลลาทั้งด้านเนื้อหาและวิธีการในการปฏิรูปประเทศ ส่วนโครงสร้างได้ใช้โครงของรัฐธรรมนูญไทยฉบับปี 2540 และ 2550 เนื้อหาหลักในการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญๆอยู่ในมาตราดังนี้ มาตรา 114 นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งทางตรงจากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงทั้งประเทศ มาตรา 115 รัฐมนตรีของทุกกระทรวงมาจากการเลือกตั้งทางตรงเป็นรายกระทรวงจากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงทั้งประเทศ มาตรา 116 พรรคการเมืองแต่ละพรรคส่งผู้สมัครรับการเลือกตั้งเป็นรัฐมนตรีได้ไม่เกิน 3 กระทรวง มาตรา 76 กำหนดให้มีสภาเดียวเป็นรัฐสภาทำหน้าที่นิติบัญญัติด้านเดียวไม่มีอำนาจตรวจสอบฝ่ายบริหารที่มาจากการเลือกตั้งทางตรงโดยกำหนดให้มีสมาชิกสภาราษฎรจังหวัดละ 2 คนและเลือกแบบรวมเขต มาตรา 40 ประเทศไทยเป็นประเทศที่ยึดถือเอาสังคมความเป็นธรรมด้านเศรษฐกิจและสังคม การปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและประชาธิปไตยเป็นคุณค่าพื้นฐานของกฎหมาย ในการอำนวยความยุติธรรมในการบังคับใช้ต่อชีวิตในด้านเสรีภาพความเท่าเทียมกันความสมานฉันท์ประชาธิปไตยความรับผิดชอบต่อสังคมโดยให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนจริยธรรมและความเชื่อแตกต่างทางการเมือง มาตรา 41 ภาษาไทยเป็นภาษาราชการแต่ การใช้ภาษาท้องถิ่นของชนกลุ่มน้อยในท้องถิ่นถือว่าเป็นภาษาราชการสำหรับคนท้องถิ่นที่ต้องยอมรับในขอบเขตทั่วอาณาเขตในฐานะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติและของมนุษยชาติ มาตรา 42 แร่ธาตุน้ำมันและทรัพยากรธรรมชาติทั้งปวงในอาณาเขตของชาติทั้งที่อยู่ใต้ดินใต้ทะเลพื้นที่ชายฝั่งทะเลและในอากาศเป็นทรัพย์สินของสาธารณะชนที่ต้องบริหารจัดการเพื่อระบบสวัสดิการสังคมและผลประโยชน์ของสาธารณะดังนั้นจึงห้ามโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นของเอกชนนิติบุคคลหรือชาวต่างชาตินอกจากการร่วมทุนที่รัฐถือหุ้นข้างมากร้อยละ 75 และมีอำนาจตัดสินชี้ขาดนโยบาย มาตรา 43 กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์เป็นของชาวคนไทยเท่านั้นห้ามโอนกรรมสิทธิให้กับต่างชาติที่ดินว่างเปล่าเกาะแก่งในแม่น้ำเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐและห้ามออกเอกสารสิทธิ์ให้กับเอกชนนอกจากการให้เช่าใช้ประโยชน์และอยู่อาศัยเท่านั้น ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งสันติภาพจึงห้ามต่างชาติเข้ามาตั้งฐานทัพทางทหาร มาตรา 46 รัฐมีพันธกรณีต้องสอบสวนและลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนร่วมค้าและพัวพันยาเสพย์ติดและการคอรัปชั่น การลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนร่วมค้าและพัวพันยาเสพย์ติด และคอรัปชั่นจะไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมายฉบับอื่นๆรวมทั้งกฏหมายการลดโทษให้อภัยโทษหรือการนิรโทษกรรม มาตรา 48 การทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศข้อตกลงหรือการให้สัตยาบรรณกติการะหว่างประเทศที่อาจจะมีผลกระทบต่ออธิปไตยของชาติหรือการโอนอำนาจให้กับองค์กรนานาชาติจะต้องผ่านการลงประชามติโดยประชาชนทั้งประเทศ มาตรา 49 รัฐสงวนสิทธิในการใช้นโยบายการค้าเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของสาธารณะเศรษฐกิจชุมชนและธุรกิจขนาดเล็กการลงทุนธุรกิจของ บริษัทและเอกชนชาวต่างชาติจะไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสิทธิใดๆมากกว่าที่ประชาชนชาวไทยได้รับ มาตรา 50 รัฐสงวนสิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติอุตสาหกรรมพลังงานแก๊ซน้ำมันและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการผลิต ด้านตัวสินค้าและด้านการบริการเป็นสมบัติของสังคมและชาติและเป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ความมั่นคงโดยธรรมชาติ รัฐมีหน้าที่สนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตจากอุตสาหกรรมข้างต้นเพื่อนำรายได้และผลกำไรให้คนในชาติได้มีสวัสดิการสังคมได้โอกาสสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยี่พัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตพัฒนาชาติให้มั่งคั่งเพื่อความอยู่ดีกินดีของคนส่วนใหญ่ มาตรา 51 เพื่อรักษาอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจการเมืองและยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติรัฐจะเป็นผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของกิจการน้ำมันของรัฐที่มีชื่อว่าป.ต.ท.และบริษัทลูกหรือบริษัทในเครือที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อบริหารงานกิจการข้างต้นรวมทั้งบริษัทร่วมทุนทางธุรกิจ มาตรา 52 ทรัพยากรน้ำทั้งหมดเป็นสมบัติสาธารณะเพราะมีความสำคัญต่อชีวิตโดยฉพาะเกษตรกร และการพัฒนารัฐต้องกำหนดในกฎหมายให้คุ้มครองการใช้ประโยชน์และป้องป้องไม่ให้มีการทำลายวงจรธรรมชาติของน้ำ มาตรา 53 รัฐต้องสนับสนุนการพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืงโดยยึดถือเป็นยุทธศาสตร์ พื้นฐานในการพัฒนาชนบทเพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนมีอาหารกินอย่างเพียงพอรัฐมีหน้าที่จัดหาเงินทุนตลาดเทคโนโลยี่ที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการฝึกอบรมอาชีพและาตรการที่จำเป็นอื่นๆเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์นี้ อาชีพชาวประมงตามชายฝั่งทะเลต้องได้รับการคุ้มครองรวมไปถึงเขตประมงนอกชายฝั่ง ทะเลและป่าชายเลนด้วย มาตรา 54 การถือครองที่ดินขนาดใหญ่เป็นการขัดผลประโยชน์ของสังคมมาตราการทางภาษีก้าวหน้าตามจำนวนที่ถือครองต้องนำมาใช้เพื่อขัดขวางการถือครองประเภทนี้รวมทั้งมาตรการอื่นๆเพื่อนำที่ดินเหล่านี้มาทำประโยชน์เกษตรกรมีสิทธิในการเป็นเจ้าของที่ดินทำกินตามขนาดที่เหมาะสม มาตรา 55 รัฐจะปกป้องและสนับสนุนอุตสาหกรรมขนาดเล็กขนาดกลางสหกรณ์ธุรกิจของครอบครัวและธุรกิจของชุมชนเพื่อเป็นการสร้างงานอย่างยั่งยืนเป็นการสร้างฐานรากเศรษฐกิจเพื่อการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืนลดการพึ่งแหล่งทุนและการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศและสร้างความเข้มแข็งให้กับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนรัฐมีหน้าที่สนับสนุนด้านนโยบายและจัดหาเงินทุนให้ มาตรา 56 รัฐมีหน้าที่นำรายได้ทั้งหมดที่ได้มาจากทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ในการลงทุน ที่มีประโยชน์ต่อสังคมและเพื่อสนับสนุนการศึกษาการสาธารณสุขของประชาชนและการคานาคม มาตรา 64 รัฐต้องจัดระบบการถือครองที่ดินและการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสมจัดหาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกรรมให้เกษตรกรอย่างทั่วถึงและรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรในการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตรให้ได้รับผลตอบแทนสูงสุดรวมทั้งส่งเสริมการรวมตัวของเกษตรกรเพื่อวางแผนการเกษตรและรักษาผลประโยชน์ร่วมกันของเกษตรกร มาตรา 65 รัฐต้องสนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบสังคมประชาธิปไตยหรือประชาธิปไตยเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมกำกับดูแลให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมคุ้มครองผู้บริโภคและป้องกันการผูกขาดตัดตอนทั้งทางตรงและทางอ้อม มาตรา 66 รัฐต้องวางรากฐานระบบเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเองคู่ขนานระหว่างการพัฒนาอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม โดยการจัดระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ( Social and Environment led Capitalism) ยกเลิกยุทธศาตร์การพัฒนาเศรษฐกิจที่ส่งเสริมบริษัทต่างชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิตที่ทำลายระบบนิเวศน์ ทำลายฐานทรัพยากรสร้างมลภาวะและใช้ใช้พลังงานไฟฟ้ามหาศาล รัฐต้องจัดระบบโซนนิ่งที่แยกเขตภาคอุตสาหกรรมหนักกับภาคการเกษตรและประมงอย่างเด็ดขาดชัดเจนเป็นรายจังหวัด มาตรา 29 บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันและมีหน้าที่ในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงมีมาตรฐานสากลและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด มหาวิทยาลัยของรัฐและทรัพย์สินที่ออกนอกระบบไปแล้วต้องโอนกลับคืนมาเป็นของรัฐเพื่อให้บริการประชาชนในราคาถูกหรือไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย