5 October 2013
1155
เลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ 28 กันยายน 2556
ผลของสัญญา ว่าด้วยการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ แปลงที่สี่ พื้นที่น้ำคิว-ภูขุมทอง ระหว่าง กรมทรัพยากรธรณี กับ บริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด และกับ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ทำให้บริษัท ทุ่งคำ จำกัด (“ทุ่งคำ”) ยื่นขอประทานบัตรเอาไว้ตั้งแต่ปี 2538 จำนวน 112 แปลง ประมาณ 33,600 ไร่ แบ่งเป็น
บรรยายภาพที่หนึ่ง นอก จากเป็นแหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม ตามมาตรา 6 จัตวา ของกฎหมายแร่แล้ว คำขอประทานบัตร แปลงที่ 104/2538 (แปลงภูเหล็ก) ยังเป็นพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้น 1 เอ และ 1 บี ตามที่ระบุไว้ในรายงานการไต่สวนประกอบคำขอประทานบัตรแปลงดังกล่าวอีกด้วย
ภาพที่สอง ภาพถ่ายแสดงลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปของพื้นที่คำขอประทานบัตรที่ 76/2539
คัดลอกจากเอกสารราย ละเอียดโครงการเหมืองแร่ทองคำ ทองแดง และเงิน คำขอประทานบัตรที่ 76/2539 และขั้นตอนการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) หน้า 5. เอกสาร ประกอบเวทีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการ กำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (ค.1 หรือพับลิก สโคปปิง) โครงการเหมืองแร่ทองคำ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด คำขอประทานบัตร 76/2539. 8 กันยายน 2556
บรรยายภาพที่สอง บริเวณพื้นที่คำขอประทานบัตรที่ 76/2539 และ 77/2539 มีลักษณะเป็นเนินเขาลูกเตี้ยชายขอบเทือกเขาเพชรบูรณ์ฝั่งตะวันออก ที่แสดงถึงความเป็นแหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม ตามมาตรา 6 จัตวา ของกฎหมายแร่ อย่างชัดเจน เพราะเป็นพื้นที่รับน้ำ มีลำห้วย ลำราง ทางน้ำ ไหลผ่าน นอกจากนั้น พื้นที่นี้ยังมีความสำคัญต่อระบบน้ำใต้ดิน เพราะเป็น Recharge Area หรือพื้นที่รับน้ำเพื่อเติมน้ำลงไปใต้ดิน เพื่อส่งน้ำให้กับพื้นที่ลุ่มต่ำต่อไป
ความเป็นนิรันดร์ของสัญญาเกิดจากการรวมแร่อื่น ๆ เอาไว้ในสัญญาด้วย
สัญญาฯ ดังกล่าว ระบุข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่อื่น ๆ ในพื้นที่ “เขตสิทธิ” (อ้างอิง 3 ) เอาไว้เป็นที่น่าตระหนกตกใจมาก ก็ เพราะว่ารัฐ-ราชการเปิดโอกาสให้ทุ่งคำถือสิทธิครอบครองสัมปทานแร่ทุกชนิด (ไม่เฉพาะแร่ทองคำ) ในเขตสิทธิ 545 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 340,605 ไร่ เต็มพื้นที่ต่อไปได้อีก หลังจากที่ยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ 112 แปลง ประมาณ 33,600 ไร่ แล้ว ก็ตาม ด้วยเนื้อหาที่ระบุไว้ในข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำเหมือง “แร่อื่น ๆ” ในพื้นที่ที่ได้รับสิทธิ ตามข้อ 9 (2) ว่า “ในกรณีที่บริษัทสำรวจพบ “แร่อื่น ๆ” ในเขตสิทธิ และจะขอประทานบัตรทำเหมืองแร่นั้น ในการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ชนิดนั้น บริษัทจะต้องเสนอผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษแก่รัฐบาล นอกเหนือจาก (ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ-ผู้เขียน) ที่กำหนดไว้ในข้อ 3 แห่งสัญญานี้ ทั้งนี้ การออกประทานบัตรจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการในพระราชบัญญัติแร่และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากมีการขอเพิ่มชนิดแร่เพิ่มเติม ก็จะต้องเสนอผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษแก่รัฐสำหรับแร่ที่ขอเพิ่มนั้นด้วย”
ตามความเป็นจริง สิทธิในการครอบครองพื้นที่ที่เป็นเขตสิทธิจะต้องลดลงตามพื้นที่ที่ยื่นคำขอประทานบัตรเอาไว้ จำนวน 112 แปลง ประมาณ 33,600 ไร่ ดังที่ระบุเนื้อหาเอาไว้ในสัญญาข้อ 2 ข้อกำหนดเกี่ยวกับการให้สิทธิสำรวจและทำเหมือง “แร่ทองคำ” ดังนี้
“ข้อ 2 (1) ภายใน 15 วันนับแต่วันทำสัญญานี้ บริษัทจะต้องยื่นคำขออาชญาบัตรพิเศษเพื่อสำรวจ “แร่ทองคำ” ให้เต็มตามพื้นที่ที่ได้รับสิทธิสำรวจและทำเหมือง “แร่ทองคำ” โดยอาชญาบัตรพิเศษจะต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 2 ปี
“การให้สิทธิสำรวจ “แร่ทองคำ” ตามสัญญานี้ ไม่ว่าจะเป็นการต่ออายุอาชญาบัตรพิเศษหรือเป็นการขออาชญาบัตรพิเศษใหม่ จะมีระยะเวลารวมกันไม่เกิน 5 ปี
“ข้อ 2 (2) เมื่อบริษัทได้ยื่นคำขออาชญาบัตรพิเศษเต็มตามพื้นที่ ตามข้อ 2 (1) แล้ว กรมจะดำเนินการเพื่อให้มีการออกอาชญาบัตรพิเศษทั้งหมดให้แก่บริษัทโดยเร็ว
“ข้อ 2 (3) หากบริษัทมีความเห็นว่า การสำรวจตามอาชญาบัตรพิเศษฉบับหนึ่งฉบับใดหรือหลายฉบับบ่งชี้ว่ามี “แร่ทองคำ” เพียงพอที่จะลงทุนทำเหมืองได้ บริษัทจะต้องยื่นขอประทานบัตรหนึ่งหรือหลายฉบับสำหรับทำเหมือง “แร่ทองคำ” ให้เสร็จสิ้นก่อนที่อาชญาบัตรพิเศษฉบับนั้น ๆ จะสิ้นอายุ และบริษัทจะเร่งรัดกิจการอันจำเป็นทั้งหลายในการที่จะให้บริษัทได้รับประทานบัตรตามคำขอโดยเร็ว”
และปรากฎอยู่ในข้อกำหนดเกี่ยวกับการทำเหมือง “แร่อื่น ๆ” ในพื้นที่ที่ได้รับสิทธิ ตามข้อ 9 (1) ด้วยว่า “ในกรณีที่บริษัทได้รับประทานบัตรทำเหมือง “แร่ทองคำ” แต่ปรากฏว่ามีแร่ชนิดอื่นรวมอยู่กับ “แร่ทองคำ” ด้วย และบริษัทประสงค์จะผลิตแร่ชนิดอื่นนั้นด้วย บริษัทจะต้องเสนอผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษเพื่อประโยชน์แก่รัฐบาล ในการพิจารณาอนุญาตให้เพิ่มชนิดแร่แต่ละชนิดลงในประทานบัตรก่อนที่จะทำการผลิต นอกเหนือจาก (ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษ-ผู้เขียน) ที่กำหนดไว้ในข้อ 3 แห่งสัญญานี้”
โดยสรุปก็คือ เงื่อนไขของสัญญาฯ ดังกล่าว ที่ปรากฏอยู่ในข้อ 2 (1) – (3) และ ข้อ 9 (1) มีความประสงค์ที่ชัดเจนที่จะจำกัดการทำแร่อื่น ๆ ภายใต้คำขอประทานบัตร และประทานบัตรทำเหมือง “แร่ทองคำ” เท่านั้น ซึ่งก็คือพื้นที่คำขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ทองคำ 112 แปลง ประมาณ 33,600 ไร่ ที่ยื่นขอเอาไว้แล้วนั่นเอง ซึ่งหมายความต่อมาว่าพื้นที่ที่เป็นสิทธิครอบครองสัมปทานจะต้องลดลงตามพื้นที่คำขอประทานบัตรเหมืองแร่ทองคำด้วย
แต่ข้อ 9 (2) กลับขยายหรือเปิดโอกาสให้ทุ่งคำถือสิทธิครอบครองเขตสิทธิ 545 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 340,605 ไร่ เต็มพื้นที่ดังเดิม
ด้วยเทคนิควิธีการเขียนสัญญาแอบซ่อนเช่นนี้ สัญญาฯ ดังกล่าว จึงมีลักษณะความเป็นนิรันดร์ เพราะไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าทุ่งคำจะขุดแร่อื่น ๆ ซึ่งมีทั้งหิน ดิน ทราย อโลหะ และโลหะชนิดอื่น ในพื้นที่ 545 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 340,605 ไร่ หมดสิ้นลงในวันใด
ด้วยลักษณะความเป็นนิรันดร์ของสัญญาเช่นนี้ ยิ่งตอกย้ำความวิปลาสของสัญญาฯ ดังกล่าว มากยิ่งขึ้นไปอีก (โปรดดูบทความชื่อสัญญาวิปลาส ผูกขาดแร่ทองคำจังหวัดเลย ที่ผู้เขียนเขียนไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อประกอบการอ่านบทความนี้)
[1] มาตรา 6 ทวิ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดพื้นที่ใด ๆ ให้เป็นเขตสำหรับดำเนินการสำรวจ การทดลอง การศึกษา หรือการวิจัยเกี่ยวกับแร่ได้
ภายในเขตที่กำหนดตามวรรคหนึ่งผู้ใดจะยื่นคำขออาชญาบัตร ประทานบัตรชั่วคราว หรือประทานบัตรไม่ได้ เว้น แต่ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นสมควร ให้ยื่นคำขอได้เป็นกรณีพิเศษโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เมื่อหมดความจำเป็นที่จะใช้เขตพื้นที่เพื่อประโยชน์ดังกล่าวตามวรรคหนึ่งให้รัฐมนตรีประกาศยกเลิกในราชกิจจานุเบกษา
2 มาตรา 6 จัตวา เพื่อประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยอนุมัติของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดพื้นที่ใดที่มิใช่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม ที่ได้ทำการสำรวจแล้วปรากฏว่ามีแหล่งแร่อุดมสมบูรณ์ และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงให้เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อออกประทานบัตรชั่วคราว หรือประทานบัตรได้เป็นอับดับแรกก่อนการสงวนหวงห้าม หรือใช้ประโยชน์อย่างอื่นในที่ดินในพื้นที่นั้น แต่ทั้งนี้ให้คำนึงถึงผลกระทบกระเทือนต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมด้วย
3 “เขตสิทธิ” หมายความว่า เขตขอสิทธิสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ แปลงที่สี่ พื้นที่น้ำคิว-ภูขุมทอง คลุมพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอท่าลี่ อำเภอภูเรือ และอำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เนื้อที่ประมาณ 545 ตารางกิโลเมตร ตาม ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การให้สิทธิสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ ในพื้นที่เพื่อการพัฒนาเหมืองแร่ทองคำเป็นโครงการใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดเลย หนองคาย และอุดรธานี ลงวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2532. คัดลอกจากนิยามที่ปรากฎอยู่ในสัญญา ว่าด้วยการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ แปลงที่สี่ พื้นที่น้ำคิว-ภูขุมทอง ระหว่าง กรมทรัพยากรธรณี กับ บริษัท ทุ่งคาฮาเบอร์ จำกัด และกับ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด
| Attachment | Size |
|---|---|
| thaingo051056-2.jpg | 50.19 KB |
| thaingo051056-1.jpg | 110.2 KB |