ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

รัฐและภาคประชาชน กรณีศึกษาการการช่วยเหลือชาวโรฮิงญาที่ถูกจับที่สงขลา

รัฐและภาคประชาชน กรณีศึกษาการการช่วยเหลือชาวโรฮิงญาที่ถูกจับที่สงขลา

24 January 2013

1301

รายงานโดย อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้ อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทักษิณ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา ฝ่ายวิชาการโครงการพัฒนาเครือข่ายตำบลสุขภาวะในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ Shukur2003@yahoo.co.uk ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิของพระองค์ผู้ทรงอภิบางแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกคน แถลงการณ์สำนักจุฬาราชมนตรีร่วมกับกรรมการอิสลามจังหวัดสงขลาและจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการที่ดีเอสไอ ได้ร่วมมือกับตำรวจและฝ่ายความมั่นคง เข้าไปช่วยเหลือชาวโรฮิงญาตั้งแต่ในชั้นตรวจค้นแคมป์คนงานและจับกุมผู้ดูแลค่ายแรงงานชาวโรฮิงญา เกือบหนึ่งพันคนที่อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา และได้ส่งต่อชาวโรฮิงญาดังกล่าวไปตามที่ต่างๆดังนี้ 1.ด่านกักกัน ตม.ปาดังเบซาร์ จำนวน 135 ชีวิต 2.สภ.ปาดังเบซาร์ จำนวน 11 ชีวิต 3.สภ.สะเดา จำนวน 30 ชีวิต 4..สภ.คลองแระ จำนวน 30 ชีวิต 5.สภ.ทุ่งลุง จำนวน 30 ชีวิต 6.ด่านกัก ตม.สะเด่า ที่ด่านนอก จำนวน 224 ชีวิต 7.สภ.หาดใหญ่ จำนวน 20 คน 8.สภ.เมืองสงขลา จำนวน 20 คน 9.สภ.สิงหนคร จำนวน 20 ชีวิต 10.สภ.นาหม่อม จำนวน 20 ชีวิต และย้ายมาอยู่ที่ สภ.จะนะแล้วตอนนี้ 11.สภ.บางกล่ำ จำนวน 20 ชีวิต 12.บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สงขลา จำนวน 108 ชีวิต *ส่งบ้านพักพิงที่พังงา จากด่านกัก ตม.พปาดัง 150 ชีวิต *ส่งนราธิวาส 18 ชีวิต ตรัง 13 ชีวิต ปัตตานี 22 ชีวิต จากสงขลา(ข้อมูลจาก ชมรมมุสลิมบุหลันแดงปาดังเบซาร์) ทำให้องค์องค์ภาคประชาชนโดยเฉพาะองค์มุสลิมต่างَๆทั่วจังหวัดสงขลา เช่นสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดสงขลา (รวบรวมเงินบริจาครูในงานวันครูหลายหมื่นบาท) จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งพี่น้องกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศเริ่มการระดมทุน อาหารและ เสื้อผ้าเข้าไปช่วยเหลือในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในระยะสั้นแต่ในระยะยาวควรแก้ปัญหาอย่างถาวรและยั่งยืนผ่านรัฐบาลไทยร่วมกับสหประชาชาติเพราะจะเป็นปัญหาต่อความมั่นคงระดับอาเซี่ยนและโลก ในขณะที่ประเทศไทยโดยเฉพาะ ดีเอสไอ ของประเทศไทยอย่ามองมิติเรื่องการค้ามนุษย์เพียงอย่างเดียวเพราะจากข่าวทราบว่าศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคใต้ เข้าไปในพื้นที่เพื่อทำงานร่วมกับตำรวจและจังหวัดเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงมาขยายผลเป็นคดีพิเศษ โดยจะดำเนินคดีข้อหาค้ามนุษย์ เนื่องจากการจับกุมครั้งนี้มีชาวโรฮิงญาที่ถูกหลอกลวงให้เข้ามาขายแรงงานและกลุ่มที่สมัครใจเดินทางมาทำงาน ขายแรงงานผิดกฎหมายในประเทศ ดังนั้น จึงต้องคัดแยกผู้ที่ถูกหลอกลวงออกจากผู้ที่หลบหนีเข้าเมือง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่ากรณีดังกล่าวเป็นประเด็นที่มีผลกระทบต่อความมั่นคง แต่ผู้เขียนเห็นด้วยกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ที่ให้ทัศนะว่า ดีเอสไอไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้ผลักดันชาวโรฮิงญาออกนอกประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแถลงการณ์ของสำนักจุฬาราชมนตรีและรัฐบาลไทยควรให้ความสำคัญกับแถลงการณ์ของสำนักจุฬาราชมนตรี ซึ่งมีแถลงการณ์รวม 3 ข้อ ดังนี้ 1.ขอให้ประชาชนไทยโดยรวมเห็นใจต่อผู้ที่เผชิญกับเหตุการณ์อันเลวร้าย ซึ่งทำให้สูญเสียชีวิตของผู้เป็นที่รัก ทรัพย์สิน ตลอดจนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ จนไม่อาจทนอยู่ในแผ่นดินที่เกิดได้ จึงต้องหลบหนีมาอาศัยแผ่นดินไทยเป็นที่หลบลี้หนีภัย และขอให้พี่น้องชาวไทย และมุสลิมทั่วประเทศไทยโปรดแสดงไมตรีจิต และภารดรภาพให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยการร่วมบริจาคเงิน และอาหาร เพื่อการยังชีพของพี่น้องผู้ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ ซึ่งอาจต้องพักพิงอาศัยในแผ่นดินไทยไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งนี้ สำนักจุฬาราชมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาเป็นศูนย์กลางการรับบริจาคจากทุกภาคส่วน และกระจายความช่วยเหลือไปยังทุกสถานที่ที่มีการควบคุมตัวผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาเอาไว้ โดยประสานงานกับหน่วยงาน หรือองค์กรที่ช่วยดำเนินการช่วยเหลืออยู่ก่อนแล้วอย่างใกล้ชิด 2.ขอให้รัฐบาลไทยคำนึงถึงมนุษยธรรม และช่วยบรรเทาความทุกข์เข็ญที่ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ประสบ โดยอำนวยการให้พวกเขาสามารถลี้ภัยในประเทศไทยได้ตามความเหมาะสม ไม่ส่งตัวคนเหล่านี้กลับไปยังประเทศพม่า ตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ และอาจส่งตัวคนเหล่านี้ไปยังประเทศที่ 3 ตามความสมัครใจของผู้ลี้ภัยเอง ในส่วนของสถานที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญานี้ หากไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง และกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ องค์กรที่ร่างแถลงการณ์ทั้งหมดยินดีให้ใช้มัสยิดกลางจังหวัดสงขลาเป็นสถานที่พักพิงแก่ชาวโรฮิงญาที่ไม่มีคดีอาญาติดตัว จนกว่าจะสามารถจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมได้ ข้อเสนอนี้เป็นไปเพื่อบรรเทาภาระที่หนักหน่วงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแก้ปัญหาความแออัดของสถานที่ควบคุม รวมทั้งเพื่อความสะดวกในการส่งความช่วยเหลือต่างๆ 3.ขอให้ประเทศโลกมุสลิม และองค์กรระหว่างประเทศ หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ประสานงานกับประเทศที่ 3 เพื่อจัดหาที่ลี้ภัย พร้อมทั้งเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลพม่าให้ยอมรับความเป็นพลเมืองพม่าของชาวโรฮิงญา และปฏิบัติต่อชาวโรฮิงญาเฉกเช่นชาติพันธุ์อื่น นอกจากนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ยังได้เปิดบัญชีเพื่อระดมทุนช่วยเหลือชาวโรฮิงญาด้วย ชื่อบัญชี สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา (กองทุนช่วยเหลือชาวโรฮิงญา) บัญชีเลขที่ 934-1-48557-6 ธนาคารอิสลามแห่งประไทย สาขาหาดใหญ่ https://www.facebook.com/groups/209411865746016/permalink/523195747700958/ หวังว่ารัฐบาลไทยควรจะร่วมมือกับองค์กรสิทธิมนุษยชนและองค์ภาคประชาชนมุสลิมที่นำโดยสำนักจุฬาราชมนตรีในการแก้ปัญหาชาวโรฮิงญาอย่างถาวรและยั่งยืนอันจะนำความมั่นคงของรัฐอย่างแท้จริง

Recent posts